ข้อความต้นฉบับในหน้า บัญญาบารมี หนทางการสร้างปัญญา
๑๓
๑๔.สารสูตร
ว่าด้วยสารเป็นเหตุเกิดปัญญา
[๒๗] ข้าพเจ้าได้สังเอียงแล้วอย่างนี้ :-
สมหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าอุบัติอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิตเศรษฐี กรุงสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นรับพระดำรัสแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเจริญสมาธิ ภิกษุมีจิตตั้งมั่นแล้ว ย่อมรู้ชัดตามเป็นจริง ก็ภิกษุย่อมรู้ชัดตามเป็นจริงอย่างไร ย่อมรู้ชัดถึงความเกิดและความดับแห่งรูป ความเกิดและความดับแห่งอรูป ความเกิดและความดับแห่งสัญญา ความเกิดและความดับแห่งวิญญาณ [๒๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเป็นความเกิดแห่งรูป อะไรเป็นความเกิดแห่งเวทนา อะไรเป็นความเกิดแห่งสัญญา อะไรเป็นความเกิดแห่งวิญญาณ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลในโลกนี้ย่อมผลิตผลิน ย่อมพรำถึง ย่อมดื่มด่ำอยู่ ก็บุคคลย่อมผลิตผลิน ย่อมพรำถึง ย่อมดื่มด่ำอยู่ ซึ่งอะไร ย่อมผลิตผลิน ย่อมพรำถึง ย่อมดื่มด่ำอยู่ซึ่งรูป ความยินดีดีใจเกิดขึ้น ความยินดีดีใจในรูป นั่นเป็นอุปาทาน เพราะอุปาทานของบุคคลนั้นเป็นปัจจัย จึ่งมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัย จึ่งมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึ่งมีชรา มรณะ โลคะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปาทาน ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งนั้น ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ บุคคลย่อมผลิตผลินซึ่งเวทนา ฯลฯ ย่อมผลิตพลิน ซึ่งสัญญา ฯลฯ ย่อมผลิตผลินซึ่งสังขาร ฯลฯ ย่อมผลิตผลิน ซึ่งย่อมเกิดขึ้นซึ่งสังขาร ฯลฯ ย่อมผลิตผลิน ย่อมพรำถึง ย่อมดื่มด่ำอยู่ซึ่งวิภา เมื่อผลิตผลิน พรำถึง ดื่มด่ำอยู่ซึ่งวิภา ความยินดีดีในวิภา นั่นเป็นอุปาทาน เพราะอุปาทานของบุคคลนั้นเป็นปัจจัย จึ่งมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัย จึ่งมีชาติ เพราะชาติเป็นปัจจัย จึ่งมีชรา มรณะ โลภะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปาทาน ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งนั้น ย่อมมีด้วยประการอย่างนี้ บุคคลย่อมผลิตผลินซึ่งเวทนา ฯลฯ ย่อมผลิตพลิน ซึ่งสัญญา ฯลฯ ย่อมผลิตผลินซึ่งสังขาร ฯลฯ ย่อมผลิตผลิน ซึ่งย่อมเกิดขึ้นซึ่งสังขาร ฯลฯ ย่อมผลิตผลิน ย่อมพรำถึง ย่อมดื่มด่ำอยู่ซึ่งวิญญาณ เมื่อผลิตผลิน พรำถึง ดื่มด่ำอยู่ซึ่งวิญญาณ ความยินดีดีในวิญญาณ นั่นเป็นอุปาทาน เพราะ...........
* พระสูตรต้นฉบับ สังฆุฏฐิกายา บัณฑวรรค, ล ๒๗, น ๗๓, ม ๓