ข้อความต้นฉบับในหน้า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย สหายสองคนนั้น คือโกลิตะ และอุปติสสะ กำลังมานั่น จักเป็น
คู่สาวกของเรา จักเป็นคู่อันเจริญชั้นเยี่ยมของเรา”
ครั้งนั้น สารีบุตรปริพาชกและโมคคัลลานะปริพาชกพากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ครั้นถึงแล้วได้ซบเศียรลงที่พระบาทของพระผู้มีพระภาค แล้วทูลขอบรรพชาอุปสมบทต่อพระผู้มีพระภาคว่า
“ขอพวกข้าพระพุทธเจ้า จึงได้บรรพชา จึงได้อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาค
พระพุทธเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
“พวกเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว พวกเธอจงประพฤติพรหมจรรย์
เพื่อทำที่สุดทุกข์โดยชอบเถิด”
หลังจากบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาเรียบร้อยแล้ว ปริพาชกทั้งสองได้กลาย
เป็นพระอรหันต์ และเป็นอัครสาวกผู้ที่มีบทบาทในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเรารู้จักท่าน
ทั้งสองในนาม พระสารีบุตร และพระโมคัลลานะ จากเรื่องราวดังกล่าว แสดงให้เห็นความเป็นกัลยาณมิตร
ระหว่างพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ที่ทำให้ท่านทั้งสองได้ดวงตาเห็นธรรม อีกทั้งยังได้พบพระบรมครู
คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
สรุป
การเป็นกัลยาณมิตรให้บุคคลอื่น และการมีบุคคลอื่นมาเป็นกัลยาณมิตรให้เรานั้น
หากมุ่งช่วยเหลือเกื้อกูลกันในทางที่ดีงาม ย่อมจะทำให้ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้า ทั้งนี้เพราะเราเองจะ
เป็นคนดีเพียงคนเดียวไม่ได้และจะอยู่เพียงลำพังคนเดียวในโลกไม่ได้จำเป็นจะต้องมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
การมีความสัมพันธ์กับบุคคลเหล่าอื่นไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการเป็นกัลยาณมิตรหรือไม่ใช่การเป็นกัลยาณมิตร
ย่อมมีผลต่อชีวิตของเรา หากเราหยิบยื่นความสัมพันธ์แก่บุคคลอื่นในการเป็นกัลยาณมิตร หรือเราได้รับ
การหยิบยื่นด้วยความเป็นกัลยาณมิตรจากบุคคลอื่นก็ย่อมเชื่อแน่ได้ว่าชีวิตของเราย่อมประสบกับความดีงาม
และพบกับความสำเร็จในการดำเนินชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม
บทที่ 1 กั ล ย า ณ ม ต ร คือ อะไร DOU 13