ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อถึงคราวจำเป็น ก็ทรงลงมือล้างเลือดล้างหนอง อุจจาระปัสสาวะของภิกษุที่กำลังอาพาธ เช่นเสด็จไป
โปรดพระติสสเถระผู้มีกายเปื่อยเน่า เรื่องเกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล คือมีกุลบุตรท่านหนึ่ง ออกบวชอุทิศ
ชีวิตในพระพุทธศาสนา ได้ฉายาว่า พระติสสเถระ มีอยู่วันหนึ่ง โรคร้ายเกิดขึ้นในสรีระของท่านตุ่มเล็กๆ
เท่าเมล็ดผักกาดผุดขึ้นมาที่ผิวหนัง เนื่องจากกรรมเก่าของท่านตามมาทัน ต่อมาตุ่มนั้นโตขึ้นเรื่อยๆ ขนาด
ประมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว แล้วก็โตเท่าเมล็ดถั่วดำ ใหญ่โตขึ้นเท่าเมล็ดกระเบา เท่าผลมะขามป้อม สุดท้าย
ก็โตเท่ากับผลมะตูม จากนั้นก็แตกออก มีเลือดและหนองไหลเยิ้มไปทั่วร่างกาย
ร่างกายของท่านเป็นแผลเหวอะหวะไปทั่ว ท่านต้องทนทุกข์ทรมานมาก นอกจากนี้ร่างกายของ
ท่านยังส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง จนเพื่อนสหธรรมิกไม่กล้าเข้าใกล้ เท่านั้นยังไม่พอกระดูกของท่านแตกหัก ท่าน
ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ นอนจมกองเลือดน้ำหนองอยู่ในกุฏิตามลำพังผ้านุ่ง และผ้าห่มเปรอะเปื้อนไปหมด
นอนรอคอยวันตายอย่างน่าสงสาร
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเห็นท่านถูกพวกลัทธิวิหาริก - ทอดทิ้ง ไม่มีที่พึ่งในยามยาก ด้วย
พระมหากรุณาอันไม่มีประมาณ พระพุทธองค์จึงเสด็จออกจากพระคันธกุฎี ไปที่โรงไฟทรงต้มน้ำร้อนด้วย
พระองค์เอง พวกภิกษุทราบว่าพระบรมศาสดาเสด็จมา จึงกราบทูลขันอาสาจะช่วยกันทำแล้วช่วยกันยก
เตียงที่พระติสสภิกษุนอน นำไปสู่โรงไฟ พระบรมศาสดาทรงให้พวกภิกษุเปลื้องผ้าเอาผ้าห่มของพระติสสะ
ออก เอาไปขยำกับน้ำร้อน แล้วนำไปผึ่งแดด ส่วนพระองค์เองสรงน้ำให้พระติสสะ เมื่อผ้าห่มแห้งทรงช่วย
ท่านให้นุ่งผ้าห่ม ทรงให้นำผ้านุ่งที่ท่านนุ่งไปซักแล้วผึ่งแดด เมื่อผ้านุ่งนั้นแห้งพระองค์ก็ทรงให้นุ่งผ้าผืนนั้น
พระบรมศาสดาประทับยืนที่เหนือศีรษะของท่าน ตรัสให้เห็นทุกข์เห็นโทษของสังขารร่างกายนี้ว่า
“กายของเธอนี้ไม่นานจะปราศจากวิญญาณแล้ว หาอุปการะมิได้ อีกไม่นานต้องนอนบนแผ่นดิน เหมือน
ท่อนไม้ที่ไม่มีประโยชน์” พระติสสเถระนอนฟังพระธรรมเทศนา ข่มความเจ็บปวดของร่างกาย ค่อยๆ ปล่อย
ใจตามกระแสเสียงของพระพุทธองค์ จนมีใจหยุดนิ่งเป็นอารมณ์เดียว ในที่สุดได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
7.1.3 มีความอดทน
ใจเย็น แม้จะถูกรุกรานด้วยคำหยาบคายก็ตาม คราวหนึ่งพระพุทธองค์เสด็จไปบิณฑบาตในนิคม
ของชาวถูลู มีพระภิกษุโอรสเจ้าลิจฉวีชื่อสุนักขัตตะ เป็นผู้ติดตาม พอเสด็จไปถึงที่แห่งหนึ่ง ได้พบอเจลกะ
ตนหนึ่งชื่อโกรักขัตติยะ ซึ่งประพฤติตนอย่างสุนัข เดินด้วยข้อศอกและเข่ากินอาหารที่กองบนพื้นด้วยปาก
เมื่อสุนักขัตตะเห็นเข้าก็คิดในใจว่าเขาเป็นพระอรหันต์ที่ดีองค์หนึ่งเมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบความคิดของเขา
จึงตรัสปรามว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ คนอย่างเธอยังจะปฏิญาณตนว่าเป็นศากยบุตรอยู่อีกหรือ พระสุนักขัตตะ
จึงทูลถามว่า เหตุไฉนพระพุทธองค์จึงตรัสอย่างนั้น พระพุทธองค์ก็ตรัสตอบว่า เพราะเธอเชื่อว่า อเจลกะ
1 เรื่องพระบูติคัตตติสสเถระ, อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 40 หน้า 435-437.
2 ลัทธิวิหาริก หมายถึง ลูกศิษย์ที่คอยรับใช้
บทที่ 7 พระสัมมาสัมพุทธเจ้า กั บ ก า ร ทำหน้าที่กัลยาณมิตร DOU 103