ข้อความต้นฉบับในหน้า
ผลของการทําความชั่วความดีไม่มี
พระราชาทรงสดับเช่นนั้นก็หลงเชื่อ เพราะทรงเข้าพระทัยว่า บุคคลผู้ไม่มียางอาย มีหนวดเครา
ยาว ไม่ได้นุ่งห่มเสื้อผ้าอาภรณ์อะไรเลย คงจะเป็นผู้หมดกิเลสแล้ว จึงดำริว่า จริงสินะ สมัยก่อนเราเคย
คิดว่า บุญบาปมีจริง โลกนี้โลกหน้ามีจริง เราคิดผิดไปแล้ว เราจะต้องเลิกทำความดีทุกอย่าง เมื่อเสด็จกลับถึง
พระนคร จึงรับสั่งให้ข้าราชบริพารทั้งหมด จัดงานรื่นเริงภายในพระราชวัง หลังจากนั้นพระราชา
ก็ไม่ออกว่าราชการอีกเลย ทรงประพฤติผิดศีลธรรมอยู่เป็นนิตย์
จนกระทั่งถึงวันพระขึ้น 15 ค่ำ พระราชธิดาพระนามว่า รุจาราชธิดา ซึ่งเป็นผู้ที่ฝักใฝ่ในธรรม
เข้ามากราบทูลพระราชาให้ทำทานแก่พวกยาจก แต่ก็ได้รับการปฏิเสธว่า ลูกเอ๋ย สมัยก่อนพ่อให้ทรัพย์ลูก
ครั้งละ 1 พันกหาปณะ ให้เจ้าไปทำบุญนะ พ่อว่า พ่อคิดผิดแล้ว เพราะพ่อไปถามพระอรหันต์มาแล้ว
ท่านบอกว่าการทำความดีไม่มีผลหรอก ทำความชั่วมันก็ไม่มีผล เมื่อไปถึงระยะหนึ่งแล้วจะบริสุทธิ์เอง
แล้วพระองค์ยกตัวอย่างของขอทานคนหนึ่ง ที่ได้ยืนยันถึงถ้อยคำของอเจลกะ ในครั้งที่ได้เข้าไป
สนทนาถึงเรื่องบาปบุญคุณโทษในครั้งนั้น ซึ่งขอทานนั้นได้กล่าวว่าข้าพระองค์ขอยืนยันว่าบาปบุญคุณโทษไม่มี
เพราะข้าพระองค์สามารถจะระลึกชาติได้ 1 ชาติ
สมัยก่อนข้าพระองค์เป็นเศรษฐีในเมืองแห่งหนึ่ง ตั้งใจหมั่นทำบุญทำทานมิเคยขาด แล้วทำไมชาตินี้
ข้าพระองค์ถึงกลายเป็นคนขอทาน ทำไมความดีที่ทำเอาไว้ถึงไม่ส่งผล ต่อจากนั้นพระองค์ตรัสถึงถ้อยคำ
ของอลาตมหาอำมาตย์ที่ได้เล่าเหตุการณ์ในอดีตของตนให้พระองค์ในครั้งที่เข้าไปสนทนากับอเจลกะเช่นกันว่า
พระเจ้าข้า ข้าพระองค์ระลึกชาติได้ 1 ชาติ ขอยืนยันว่า ในชาติที่แล้ว ข้าพระองค์เป็นนายพรานฆ่าโค
เอาเนื้อมาขายในตลาด ทำกรรมอยู่อย่างนี้ตลอดชีวิต แต่ทำไมผลกรรมที่ข้าพระองค์ทำนั้น ไม่เห็นตาม
ส่งผลเลย ชาตินี้ข้าพระองค์กลับได้เป็นอำมาตย์ เป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ แสดงว่าผลของการทำความชั่วไม่มี
ฝ่ายพระราชธิดาเองก็สามารถระลึกชาติในอดีตได้ถึง 7 ชาติ แล้วยังระลึกชาติในอนาคตได้อีกถึง
7 ชาติ ได้กราบทูลพระราชาว่า สองคนนั้นระลึกชาติได้เพียงแค่ชาติเดียวเท่านั้น ความเห็นยังไม่ถูกต้อง
สมบูรณ์ เพราะว่าการที่ขอทานเขาระลึกชาติได้ว่า สมัยหนึ่งเป็นเศรษฐี และอดีตชาติของเศรษฐีคนนี้
ครั้งหนึ่งเคยทำวิบากกรรมขัดลาภของพระอรหันต์รูปหนึ่ง ผลกรรมนั้น จึงส่งผลให้กลายเป็นขอทาน
ส่วนท่านอำมาตย์ที่เคยเป็นคนฆ่าโค เพราะว่าในภพชาติก่อนหน้านั้นได้เอาดอกอังกาบไปบูชาที่พระเจดีย์
ผลบุญนั้นจึงส่งผลให้เป็นมหาอำมาตย์
พระราชาแม้ได้สดับเช่นนั้นก็ไม่ทรงเชื่อพระธิดา เพราะถือว่าคำพูดของอเจลกะที่ตัวเองนับถือนั้น
เป็นจริงกว่า ฝ่ายราชธิดารู้ว่าพระบิดาทรงคบคนพาล ทำให้กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ จึงอธิษฐานจิตว่า ถ้าหากว่า
ผู้มีฤทธิ์มีอานุภาพมีอยู่จริง ก็ขอให้มาช่วยแก้ทิฏฐิของพระบิดาด้วยเถอะ
ในขณะนั้นพระพรหมชื่อนารทะได้ทราบด้วยญาณของท่าน ด้วยหัวใจของความเป็นยอดกัลยาณมิตร
จึงอันตรธานจากพรหมโลกมาปรากฏเฉพาะพระพักตร์ของพระราชา พระราชาเห็นแสงสว่างเกิดขึ้นก็ตก
พระทัย ไม่สามารถจะดำรงอยู่บนราชอาสน์ของพระองค์ได้ จึงเสด็จลงจากราชอาสน์ประทับยืนอยู่ที่พื้น
ตรัสถามพรหมนารทะว่า “ท่านเป็นใคร มาจากไหน”
บทที่ 2 ค ว า ม สำ คั ญ ข อ ง กัลยาณมิตร DOU 29