ข้อความต้นฉบับในหน้า
บุคคลบางคนในโลก ไม่ทำทานด้วยตนเอง แต่ชักชวนผู้อื่นทำทาน เขาย่อมได้บริวารสมบัติ
แต่ไม่ได้โภคทรัพย์สมบัติในสถานที่ที่ตนเกิด
บุคคลบางคนในโลก ทำทานด้วยตนเองและชักชวนผู้อื่นทำทาน เขาย่อมได้ทั้งโภคทรัพย์
สมบัติและบริวารสมบัติในสถานที่ที่ตนเกิด
บัณฑิตคนหนึ่งได้ฟังธรรมแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา มีหัวใจของความเป็นกัลยาณมิตร
คิดจะทำหน้าที่กัลยาณมิตร เพราะปรารถนาสมบัติทั้งสองจึงออกทำหน้าที่กัลยาณมิตรชักชวนหมู่ญาติให้ร่วม
กันรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารแด่พระบรมศาสดาพร้อมด้วยพระสาวก 2 หมื่นรูป หมู่ญาติทั้งหลายต่าง
รับบุญเต็มกำลังของตน คนละ 10 รูปบ้าง 20 รูปบ้าง 100 รูปบ้าง 500 รูปบ้าง เต็มกำลังศรัทธาของตน
บัณฑิตกัลยาณมิตรได้ทำหน้าที่ด้วยความร่าเริงมาตลอด จนได้มาพบกับมหาทุคตะผู้ยากจน
เข็ญใจคนหนึ่ง ด้วยมหากรุณาจึงได้เข้าไปเชิญชวนมหาทุคตะให้ร่วมรับเป็นเจ้าภาพบ้าง มหาทุคตะก็ตอบว่า
“การถวายภัตตาหารพระเป็นเรื่องของคนมีทรัพย์ สำหรับผมแม้ข้าวจะเลี้ยงท้องให้อิ่มใน
วันพรุ่งนี้ยังไม่มีเลย ผมเป็นคนหาเช้ากินค่ำ จะให้ผมถวายภัตตาหารพระได้อย่างไร”
กัลยาณมิตรมีจิตใจที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาดีและมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดในการชี้แนะ
จึงได้กล่าวตอบไปว่า
“เพื่อนยาก คนทั่วไปกินอาหารอย่างดี นุ่งผ้าประณีต มีบ้านเรือนสวยงามใหญ่โต ส่วนท่าน
รับจ้างทำงานตลอดทั้งวัน แม้อาหารที่พอจะประทังชีวิตยังไม่มี ท่านไม่ได้คิดเลยหรือว่า เป็นเพราะไม่ได้
สะสมทานกุศลมาในอดีตนั่นเอง”
มหาทุคตะยืนนิ่งด้วยความสลดใจ จึงตัดสินใจรับเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารพระ 1 รูป
แล้วรีบขวนขวายเร่งทำงาน เพื่อให้ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นพอสำหรับเลี้ยงครอบครัวของตนเองและถวายพระอีก
1 รูป
ครั้นถึงวันรุ่งขึ้น บัณฑิตกัลยาณมิตรนิมนต์พระไปตามบัญชีเจ้าภาพที่บันทึกไว้จนหมด
มหาทุคตะมาหาบัณฑิตกัลยาณมิตรเพื่อรับพระไปถวายภัตตาหาร ปรากฏว่าบัณฑิตกัลยาณมิตรลืม
บันทึกการเป็นเจ้าภาพของมหาทุคตะ มหาทุคตะราวกับถูกทำร้ายที่ท้องด้วยหอก ร้องไห้สองมือปิดหน้า
น้ำตาไหลพราก อุทานว่า
“ท่านชวนเราแล้วเมื่อวาน เราและภรรยารับจ้างทำงานตลอดทั้งวันเพื่อค่าจ้างวันนี้เที่ยว
จัดเตรียมภัตตาหารแต่เช้าตรู่ ขอพระให้แก่เราสักรูปเถิด”
บัณฑิตกัลยาณมิตรเกิดความละอายใจ เพราะว่าพระทั้งหมดได้นิมนต์ไปตามเจ้าภาพจนหมด
แล้ว นึกถึงหนทางสุดท้ายจึงแนะนำให้มหาทุคตะไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่พระคันธกุฎี ซึ่งรายล้อมด้วย
พระราชาและราชกุมารทั้งหลายที่รอรับบาตรของพระบรมศาสดาอยู่ มหาทุคตะเดินไปที่พระคันธกุฎี
ผ่านไปในท่ามกลางพระราชาและราชกุมาร ก็ถูกทักท้วงขึ้นว่า นี้ยังไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมารับเดินอาหาร
เนื่องจากเคยเห็นมหาทุคตะกินเศษอาหารในวันก่อนๆ
มหาทุคตะซบศีรษะลงที่ธรณีประตูพระคันธกุฎี กราบทูลว่า
38 DOU
บ ท ที่
3 ห ลั ก ธ ร ร ม ในการเป็นกัลยาณมิตร