พรหมวิหารธรรม DF 101 การทำหน้าที่กัลยาณมิตรเบื้องต้น หน้า 65
หน้าที่ 65 / 142

สรุปเนื้อหา

พรหมวิหารคือธรรมะที่สำคัญสำหรับผู้ที่ทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตร โดยประกอบด้วยคุณธรรม 4 ประการ ได้แก่ เมตตา ความรักใคร่ที่ปรารถนาความสุขให้ผู้อื่น, กรุณา การสงสารและช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์, มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข, และอุเบกขา ความวางเฉยต่อภัยพิบัติของผู้อื่น ท้ายที่สุด ผู้ที่เจริญในพรหมวิหารจะได้รับผลดีเช่น ความไม่มีภัย ไม่มีเวร การช่วยเหลือผู้อื่น และความรู้สึกสงบในใจ โดยไม่ถูกผลกระทบจากอารมณ์.

หัวข้อประเด็น

-พรหมวิหาร
-คุณธรรม 4 ประการ
-ความเมตตา
-ความกรุณา
-ความมุทิตา
-ความอุเบกขา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

4.1.8 พรหมวิหารธรรม พรหมวิหาร เป็นธรรมเครื่องอยู่ของผู้ใหญ่ หรือ ธรรมเป็นเครื่องอยู่ของพรหม และเป็นธรรมะข้อ สำคัญสำหรับผู้ได้ชื่อว่าเป็นกัลยาณมิตรอีกด้วยการจะทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้ครบถ้วนบริบูรณ์ ต้องเริ่มจาก จิตใจที่งดงาม ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความเมตตาปรารถนาดีต่อเพื่อนร่วมโลกอย่างแท้จริง คุณธรรมคือ พรหมวิหาร 4 ประการ จึงเป็นสิ่งที่กัลยาณมิตรจะต้องทำให้บังเกิดขึ้นในจิตใจ เป็นอุปนิสัยติดตัวไป จนกลาย เป็นธรรมะที่ฝังแน่นในขันธสันดานกันเลยทีเดียว พรหมวิหาร 4 ประการได้แก่ 1. เมตตา ความรักใคร่ ปรารถนาจะให้เป็นสุข ความสนิทสนม หรือ ความรักปราศจากความ กำหนัดยินดี เช่น พ่อแม่รักลูก เป็นต้น ปรารถนาความไม่มีภัยไม่มีเวร ไม่มีการเบียดเบียน ไม่มีความทุกข์ ปรารถนาให้มีความสุข อาการปรารถนาความไม่มีภัยไม่มีเวร ไม่มีการเบียดเบียน ไม่มีความทุกข์ เหล่านี้ชื่อว่า เมตตา ความรักใคร่ปรารถนาให้เป็นสุข 2. กรุณา ความสงสาร คิดจะช่วยให้พ้นทุกข์ ความหวั่นใจ เมื่อเห็นหรือได้ยินผู้อื่นได้ความทุกข์ ลำบากอยู่ ก็จะช่วยหรือลงมือช่วยให้พ้นทุกข์ หรือ ความปรารถนาเพื่อจะปลดเปลื้องทุกข์ของเขาสร้าง ความรู้สึกที่จะเห็นเขาหลุดพ้นจากความทุกข์ เป็นเบื้องต้น เมื่อมีความสามารถก็แสดงออกมาให้เห็นทางกาย คอยช่วยเหลือเขา ทางวาจาแนะนำพร่ำสอนเขา ชื่อกรุณา ความสงสารคิดจะให้พ้นทุกข์ 3. มุทิตา ความพลอยยินดี เมื่อผู้อื่นได้ดี ได้แก่ ความบันเทิงใจ หรือเบิกบานใจ เมื่อได้เห็นหรือ ได้ยินผู้อื่นมีความสุขสบาย เจริญด้วยลาภ ยศ สรรเสริญ สุขตามสภาพของตนๆ แล้ว ก็พลอยยินดีชื่นชม ไม่มีจิตใจริษยา พลอยยินดีร่วมกับเขา 4. อุเบกขา ความวางเฉย ไม่ดีใจไม่เสียใจ เมื่อผู้อื่นถึงความวิบัติ หมายความว่า เมื่อได้เห็นหรือ รู้ว่าผู้อื่นถึงความวิบัติ ก็วางใจเป็นกลาง โดยพิจารณาว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ได้ชั่ว ไม่ดีใจเมื่อศัตรูประสบความวิบัติ และไม่เสียใจเมื่อคนเป็นที่รักประสบความวิบัติ ต้องรู้จัก วางเฉย ไม่แผ่เมตตา กรุณาไปไม่บังควร เช่น เอาใจช่วยโจร ผู้ที่ถูกลงอาญา เป็นต้น เพราะการกระทำ ความผิดของเขาเป็นเหตุโดยทำความรู้สึกว่าคนเราทุกคนเกิดมามีกรรมเป็นของตนจะต้องได้รับผลของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัยใครทำกรรมใดไว้ดีหรือชั่วก็ตามจะต้องเป็น ผู้รับผลของกรรมนั้นอาการที่ดำรงรักษาจิตไม่ให้ตกไปในความยินดีและยินร้ายได้โดยอาการสม่ำเสมอใน หมู่สัตว์ดังนี้ชื่ออุเบกขา ผลดีของการเจริญในพรหมวิหาร ผู้เจริญเมตตา ได้รับผลดี คือ อยู่ด้วยความไม่มีภัย ไม่มีเวร เป็นไปเพื่อความรักใคร่กัน และละ ธรรมอันเป็นข้าศึก คือ พยาบาทเสียได้ ผู้เจริญกรุณา ได้รับผลดี คือ ย่อมเป็นเหตุให้ช่วยทุกข์เขา ไม่หนีเอาตัวรอด และละธรรม คือ วิหิงสา ความเบียดเบียนเสียได้ ผู้เจริญมุทิตา ได้รับผลดี คือ ย่อมเป็นเหตุให้เกิดโสมนัสยินดีและละธรรม คืออิสสาเสียได้ 56 DOU บทที่ 4 การ ทำ หน้าที่ กัลยาณมิตร ต่อตนเอง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More