ข้อความต้นฉบับในหน้า
จึงทำให้คนทั่วไปไม่รู้ว่าบุคคลท่านนี้คือเศรษฐี ท่านต้องเจ็บใจ ขุ่นเคืองใจบ่อยครั้ง เพราะถูกมหาชนล้อเลียน
ในรูปกายที่อัปลักษณ์ของตน
นอกจากนี้ อิลลีสเศรษฐียังเป็นคนตระหนี่ ไม่ยอมให้ทรัพย์สมบัติกับใคร ไม่ยอมบริจาคทาน
แก่พวกยาจกวณิพก ตลอดจนนักบวชทั้งหลาย นอกจากไม่ให้คนอื่นแล้วยังไม่ยอมบริโภคใช้สอย เพราะ
กลัวทรัพย์จะหมดไปอีกด้วย ตรงกันข้ามกับมารดาบิดาของท่านเศรษฐี ซึ่งให้ทานมาโดยตลอด เป็นทานบดีมา
7 ชั่วตระกูล ครั้นอิลลีสะได้ตำแหน่งเศรษฐี กลับไม่ได้รักษาประเพณีอันดีงามที่บรรพบุรุษเคยทำไว้
ท่านได้เผาโรงทาน ขับไล่พวกยาจกที่มาขอทาน เก็บงำทรัพย์ไว้อย่างมิดชิด บ้านของเศรษฐีที่เคยเป็นเหมือน
สระโบกขรณี เป็นประโยชน์เผื่อแผ่ให้กับสรรพสัตว์ กลับกลายเป็นเหมือนสถานที่ถูกรากษสยึดครอง
วันหนึ่ง อิลลีสเศรษฐีไปเข้าเฝ้าพระราชา ซึ่งเป็นธรรมเนียมของเศรษฐีในสมัยก่อน ที่จะต้อง
เข้าเฝ้าพระราชาวันละ 2 เวลา ขณะกำลังเดินทางกลับบ้าน อิลลีสเศรษฐีเห็นคนบ้านนอกคนหนึ่ง ถือขวดเหล้า
ขวดหนึ่ง นั่งรินเหล้า ดื่มสุราและเคี้ยวกินกับแกล้มด้วยความเอร็ดอร่อยอยู่ตามลำพัง เหมือนคนไม่มีความ
กังวลใจ จึงนึกอยากลองดื่มบ้าง เพื่อจะได้คลายความกลุ้ม ที่ตัวเองเป็นเศรษฐีแท้ๆ แต่กลับถูกล้อเลียนเป็น
ประจํา
ครั้นจะจัดพิธีดื่มสุราให้โอ่อ่าเหมือนเศรษฐีทั่วไปทำกันก็เกรงพวกข้าทาสบริวารมาขอดื่มด้วย
อันจะทำให้ต้องสิ้นเปลืองทรัพย์มาก เศรษฐีอดกลั้นความอยากไว้หลายวัน เมื่อทนไม่ไหว จึงสั่งให้คน
รับใช้แอบไปซื้อเหล้ามาขวดหนึ่ง จากนั้น พาคนรับใช้ออกไปนอกเมือง เดินไปถึงฝั่งแม่น้ำ หลบเข้าไปในพุ่มไม้
แห่งหนึ่งให้คนรับใช้วางขวดเหล้าไว้ และสั่งให้ไปนั่งสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ คอยระแวดระวัง อย่าให้ใครเดินผ่าน
เข้ามาในบริเวณนั้น จากนั้นตนก็เริ่มรินเหล้าใส่จอก ดื่มสุราด้วยความใคร่อยากลอง
ส่วนบิดาของเศรษฐีอิลลีสะนั้น เป็นพระโพธิสัตว์ผู้รักในการบริจาคเป็นชีวิตจิตใจ
ไปเกิดเป็นท้าวสักกเทวราชในเทวโลก เพราะทำทานไว้มาก ตลอดชีวิตของบิดาเป็นไปเพื่อการสั่งสมบุญล้วนๆ
แม้พระพุทธศาสนาจะยังไม่อุบัติขึ้น แต่ท่านก็ทำความดีทุกรูปแบบ ธุรกิจการงานก็ทำควบคู่ไปกับงานทางใจ
บุญจึงส่งผลให้ไปบังเกิดเป็นจอมเทพในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ขณะนั้น ท่านดำริว่า “บุตรชายผู้มีรูปกายขี้ริ้วขี้เหร่
ของเรา ยังคงให้ทานตามแบบอย่างของบรรพบุรุษอยู่หรือไม่”
ครั้นตรวจตราดูด้วยทิพยจักษุ พบว่า บุตรชายได้เผาโรงทานที่พ่อได้สถาปนา นอกจากนี้
ยังสั่งให้คนรับใช้ คอยขับไล่พวกยาจกที่มาขอทาน ยึดถือทิฏฐิที่ผิดๆ นอกจากมีรูปกายที่ขี้เหร่แล้ว ยังมีจิตใจ
ที่ไม่งดงาม เป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวมาก หากท่านไม่ลงไปดัดนิสัย บุตรชายต้องไปตกนรก เสวยวิบากกรรม
ที่เป็นผลจากความตระหนี่ และผิดศีลจากการดื่มสุราเป็นอาจิณ ด้วยความรักในบุตรชาย จึงทรงดำริว่า
จะต้องไปทรมานอิลลีสะให้หันกลับมาบำเพ็ญทาน ประพฤติธรรม เพื่อมุ่งไปสู่หนทางสวรรค์ให้ได้
ดังนั้น ท้าวสักกะจึงเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ ทรงเนรมิตอัตภาพปลอมเป็นเศรษฐีอิลลีสะ
เข้าไปเฝ้าพระราชา พระราชาเห็นเศรษฐีมาผิดเวลา จึงตรัสถามว่า
“ท่านเศรษฐี ทำไมวันนี้ ท่านจึงมาผิดเวลาเล่า”
“ข้าแต่มหาราชเจ้า ที่บ้านของข้าพระบาทมีทรัพย์อยู่ประมาณ 80 โกฏิ ขอพระองค์
86 DOU บ ท ที่ 6 ก า ร ป ลู ก ฝั ง อุ ด ม ก า ร ณ์เพื่อความเป็นกัลยาณมิตร