พระโรหณะและการบิณฑบาตที่บ้านพราหมณ์ DF 101 การทำหน้าที่กัลยาณมิตรเบื้องต้น หน้า 134
หน้าที่ 134 / 142

สรุปเนื้อหา

ในเรื่องนี้ พระอัสสคุตตเถระถามถึงการประชุมสงฆ์ พระโรหณะเป็นผู้ที่ขาดประชุมเพราะเข้าตัณหา นับจากนั้นพระโรหณะต้องไปบิณฑบาตที่บ้านพราหมณ์โสณุตตรเพื่อให้เกิดศรัทธาในพระพุทธศาสนา เขาทำเช่นนี้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งหลังจากระยะเวลา 7 ปี 10 เดือน พระโรหณะเอาชนะความไม่เชื่อถือของพราหมณ์และกลายเป็นที่เคารพนับถือ ได้สร้างประสบการณ์ในการเป็นกัลยาณมิตรอย่างแท้จริง โดยการอดทนและไม่ย่อท้อ

หัวข้อประเด็น

-พระโรหณะ
-การบิณฑบาต
-ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
-การเป็นกัลยาณมิตร
-ความอดทนในการเผยแพร่ศาสนา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

พระอัสสคุตตเถระผู้เป็นประธานสงฆ์จึงถามว่า เมื่อคณะสงฆ์ประชุมกันเพื่อกิจของพระศาสนา มีใครบ้างที่ขาดประชุม ตอนนั้นมีพระอรหันต์รูปหนึ่งชื่อว่า พระโรหณเถระ ท่านเข้านิโรธสมาบัติอยู่ที่ หิมวันตบรรพตได้ 7 วันแล้ว จึงขาดประชุมในวันนั้น พระเถระรู้วาระจิตของพระอรหันต์ทั้งหลายว่า คณะสงฆ์ต้องการพบตัว จึงอันตรธานจากที่นั้นไปปรากฏในท่ามกลาง พระอรหันต์ทั้งหลาย พระอรหันต์ ทั้งหลายจึงถามพระโรหณะว่า พระศาสนาของสมเด็จพระทศพลทรุดโทรมลง ทำไมท่านไม่เอาใจใส่กิจของ สงฆ์ จิตใจจะปล่อยให้ศาสนาทรุดโทรมลงอย่างนั้นหรือ พระโรหณะบอกว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เอาใจใส่ เหล่าพระอรหันต์จึงได้ลงพรหมทัณฑ์ท่านว่า ตัวท่านเอง ไม่ได้ประพฤติผิดสังฆกรรมหรอก แต่ด้วยเหตุที่ไม่สนใจกิจการงานส่วนรวม เราทั้งหลายขอลงโทษท่าน ขอให้ท่านไปบิณฑบาตที่บ้านโสณุตตรพราหมณ์ในหมู่บ้านกชังคละทุกๆ วัน อย่าได้ขาด พราหมณ์นั้นจะมี ลูกชายคนหนึ่งชื่อนาคเสนกุมาร ท่านจงไปบิณฑบาตทุกๆ วัน จนกว่าจะอายุได้ 7 ปี 10 เดือน แล้วคิดอ่าน เอานาคเสนกุมารออกบวชให้ได้ เพราะนาคเสนกุมารนั้นจะเป็นทหารเอกของสมเด็จพระทศพลผู้จะกอบกู้ พระศาสนา พระโรหณเถระจึงรับคำของพระอรหันต์ทั้งหลาย ฝ่ายมหาเสนเทพบุตร เมื่อจุติจากเทวโลกลงมา เกิดเป็นลูกของพราหมณ์ นับแต่วันนั้นมาพระโรหณเถระท่านเดินบิณฑบาตไปที่บ้านของพราหมณ์ทุกๆ วัน จนกระทั่งครบ 7 ปี 10 เดือนไม่ขาดแม้แต่วันเดียว และไม่เคยได้รับการไหว้ หรือการใส่บาตรจากพราหมณ์ เพราะพราหมณ์ไม่ได้ศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่ด้วยหัวใจของยอดกัลยาณมิตร ท่านก็ทำหน้าที่ด้วย จิตใจที่เบิกบานผ่องใส จนกระทั่งวันหนึ่ง ท่านได้ฟังถ้อยคำของพราหมณีพูดว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า จงหลีกไปเถิด” เมื่อพระเถระได้ฟังถ้อยคำเท่านี้ ก็สะพายบาตรเปล่าเดินจากสถานที่นั้น เดินสวนทางกับพราหมณ์ พราหมณ์ก็ถามท่านว่า “ท่านได้อะไรมาบ้าง” ก็ตอบว่า “ได้สิพราหมณ์ เราได้หน่อยเดียวเท่านั้น” พราหมณ์ ไม่ศรัทธาอยู่แล้วจึงเกิดความฉุนเฉียว กลับไปถามคนในบ้านว่า มีใครให้ของไปหรือเปล่า ทุกๆ คนตอบ เหมือนกันว่าไม่มีใครให้ พ่อของนาคเสนกุมารยิ่งหมดศรัทธา หาว่าพระโกหก จึงคิดจะต่อว่าท่านในวันรุ่งขึ้น ครั้นรุ่งขึ้นอีกวัน พระเถระเดินมาบิณฑบาตหน้าบ้านพราหมณ์เหมือนเดิม พราหมณ์รออยู่แล้ว จึงเดินเข้าไปต่อว่าทันทีว่า “ท่านทำไมโกหกอย่างนี้ เมื่อวานไม่มีใครสักคนใส่บาตรท่านเลย แล้วยังมีหน้า ว่าได้หน่อยหนึ่ง” พระเถระท่านก็นิ่งๆ แล้วเอ่ยวาจาตอบพราหมณ์ว่า “ท่านพราหมณ์ อาตมามาบิณฑบาต ที่นี่ถึง 7 ปี กับ 10 เดือนแล้ว จังหันสักทัพพีหนึ่งก็ไม่เคยได้เลย คำพูดแม้สักคำก็ยังไม่เคยได้ ท่านเห็นเรา เข้าก็ทำหน้าบึ้งตึง แต่เมื่อวานนี้พราหมณีพูดกับเราว่า จงหลีกไปเถิด อาตมาได้ฟังถ้อยคำๆ นี้ของนาง จึง ได้พูดกับท่านเมื่อวานนี้ว่า ได้หน่อยหนึ่ง อาตมาจะกล่าวมุสาได้อย่างไร” พราหมณ์ได้ฟังดังนั้นจึงเกิดความเลื่อมใสว่า สมณะรูปนี้ แม้ได้ฟังถ้อยคำเท่านี้ยังดีใจ หากได้ มากกว่านี้ คงจะสรรเสริญมากกว่านี้ จึงร้องเรียกให้ภรรยาเอาของมาใส่บาตร ยิ่งพอใกล้ชิด เห็นความ สงบสำรวมอินทรีย์ของพระเถระ ก็ยิ่งเพิ่มพูนความศรัทธามากขึ้น จึงอาราธนานิมนต์ให้ท่านมาฉันที่บ้าน ทุกๆ วัน กว่าที่จะเข้าสู่บ้านของพราหมณ์ได้ ต้องใช้หัวใจของยอดกัลยาณมิตร อดทนอย่างมาก บทที่ 8 ประสบการณ์การทำหน้าที่ กัลยาณมิตร DOU 125
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More