นาคเสนกุมาร: การเรียนรู้และกัลยาณมิตร DF 101 การทำหน้าที่กัลยาณมิตรเบื้องต้น หน้า 135
หน้าที่ 135 / 142

สรุปเนื้อหา

เรื่องราวของนาคเสนกุมารซึ่งเป็นเด็กอัจฉริยะที่พบกับพระโรหณเถระและตัดสินใจออกบวชเพื่อศึกษาในพุทธศาสนา จนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ และทำหน้าที่เป็นทนายให้กับพระศาสนา นำเสนอการใช้ชีวิตที่มีกัลยาณมิตรและการหลีกเลี่ยงมิตรชั่วเพื่อความสุขและความเจริญในชีวิต โดยท่านนำเสนอว่าการมีผู้ชี้แนะที่ดีจะนำพาไปสู่ความสำเร็จและการเจริญก้าวหน้าในทางธรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญ

หัวข้อประเด็น

-นาคเสนกุมาร
-การศึกษาพุทธศาสนา
-กัลยาณมิตร
-ชีวิตและความคิดของนาคเสน
-การหลีกเลี่ยงมิตรชั่ว
-การประสบความสำเร็จในธรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

นี่เพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ยังไม่ได้เจอกับนาคเสนกุมาร นาคเสนกุมารเป็นเด็กที่มีปัญญามาก เพียงอายุ 7 ขวบ ก็เล่าเรียนเขียนอ่านกับครูอาจารย์ของฝ่ายพราหมณ์ ฟังเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นาคเสน กุมารก็จำได้หมด จนหมดความรู้ของฝ่ายพราหมณ์ ถึงกับถามพราหมณ์ว่า ความรู้ของพวกเรามีเท่านี้เอง หรือ พ่อของนาคเสนกุมารก็บอกว่า หมดแล้วลูกเอ๋ย เดี๋ยวพ่อจะแสวงหาครูมาให้ นาคเสนกุมารเดินลง จากปราสาท นั่งรำพึงรำพันอยู่คนเดียวว่า ความรู้ที่เราเรียนมาว่างเปล่าเหมือนอากาศ หาสาระแก่นสาร ที่แท้จริงไม่ได้ ไม่สามารถทำให้พ้นจากโลกไปได้เลย ฝ่ายพระโรหณเถระ ทราบความคิดของนาคเสนกุมาร จึงอันตรธานจากวิหารมาปรากฏตรงหน้า พร้อมกับบอกว่า ศิลปศาสตร์ในพุทธศาสนานั้น อุดมล้ำเลิศกว่าความรู้ใดๆ ในโลก นาคเสนเป็นคนใฝ่รู้ จึง ออกบวช ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนปริยัติจนแตกฉาน อีกทั้งตั้งใจปฏิบัติธรรมจนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ จาก นั้นก็ทำหน้าที่เป็นทนายแก้ต่างให้กับพระศาสนา คือเป็นตัวแทนของภิกษุสงฆ์ทั่วสังฆมณฑลมาโต้วาทะกับ พระยามิลินท์ จนได้ชัยชนะ ทำให้พระยามิลินท์ออกบวชตาม และสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในที่สุด เราจะพบว่า คนมีบุญมีปัญญา แม้แต่จอมปราชญ์อย่างพระนาคเสน ยังต้องมีกัลยาณมิตรผู้ยิ่งใหญ่ อย่างพระโรหณเถระ ที่ท่านใช้ความอดทนเพียรพยายามถึง 7 ปี กับ 10 เดือน ถึงจะได้เพชรเม็ดงามของ พระศาสนา หน้าที่ที่พวกเรากำลังทำอยู่นี้ เป็นหน้าที่ที่จะให้แสงสว่างแก่โลก ดังนั้น อย่าเพิ่งท้อ ดูอย่าง พระเถระ ท่านอดทนแบบไม่ต้องอดทน เพราะรู้ว่าเป็นหน้าที่ เป็นบุญเป็นบารมี ทำงานไปใจก็หยุดนิ่งอยู่ใน กลางตลอดเวลา ดูอย่างท่านแล้ว ให้เอาอย่างท่าน เราจะได้เป็นยอดนักสร้างบารมีที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง 8.3 คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบกัลยาณมิตรชีวิตสดใส เราทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ ต่างปรารถนาความสุขความเจริญ สิ่งที่ดีงาม ที่เป็นมงคลเกิดขึ้นแก่ ชีวิตของตนด้วยกันทั้งนั้น เส้นทางสู่ความรุ่งโรจน์ของชีวิตอย่างหนึ่งคือการได้คบหากัลยาณมิตร ผู้จะมา คอยชี้แนะเส้นทางที่ถูกต้อง ดังธรรมภาษิตบทหนึ่งที่กล่าวว่า บุคคลปรารถนาความสุขอันแน่นอน พึงเว้นมิตรชั่ว พึงคบหากัลยาณมิตร และพึ่งตั้งอยู่ในโอวาท ของกัลยาณมิตรนั้น เต่าตาบอดเกาะขอนไม้เล็กๆ จมอยู่ในห้วงน้ำใหญ่ ฉันใด กุลบุตรอาศัยคนเกียจคร้าน เป็นอยู่ ย่อมจมลงในสังสารวัฏ ฉันนั้น เพราะฉะนั้น บุคคลพึงเว้นคนเกียจคร้าน มีความเพียรเลวทราม ควร อยู่ร่วมกับบัณฑิตทั้งหลายผู้สงัดเป็นอริยะ มีใจเด็ดเดี่ยว เพ่งฌาน ปรารภความเพียรเป็นนิตย์ 1 ความดีขั้นแรกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบอกให้ทำ คือต้องไม่คบคนพาล จากนั้นให้คบหา บัณฑิตผู้จะมาเป็นกัลยาณมิตร ชี้ทางสวรรค์นิพพานให้กับตัวเรา คนพาล คือคนที่มีใจขุ่นมัวเป็นปกติ มีความคิดเห็นต่อสิ่งต่างๆ ผิดจากความเป็นจริง ชอบคิดชั่ว พูดชั่ว แล้วทำชั่ว ไม่ยอมรับรู้ระเบียบวินัย นำแต่ความเดือดร้อนมาให้ ใครไปคบหาสมาคมด้วย มีแต่ 1 วิมลเถรคาถา, ขุททกนิกาย เถรคาถา, มก. เล่ม 51 ข้อ 322 หน้า 321. 126 DOU บทที่ 8 ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ การ ทำ หน้าที่ กัลยาณมิตร
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More