ข้อความต้นฉบับในหน้า
ไม่หวั่นไหว ในโลกธรรมเหล่านั้นเลย สมณะของดิฉันเป็นอย่างนี้”
เมื่อนางจูฬสุภัททากล่าวสรรเสริญคุณของพระรัตนตรัยให้ฟังโดยย่อแล้ว แม่สามีก็พูด
กับนางว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอจะเชิญท่านเหล่านั้นมาให้ฉันเห็นได้หรือเปล่า” นางจึงตอบว่า “ได้คุณแม่” จาก
นั้นจึงจัดเตรียมมหาทานอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อถวายแด่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข เสร็จแล้วได้ยืนอยู่
บนปราสาทชั้นบน หันหน้าไปทางวัดพระเชตวัน ระลึกถึงพระพุทธคุณ ทำการสักการะด้วยของหอมดอกไม้และ
ธูปเทียนด้วยความเคารพ แล้วทูลอาราธนาว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันขอกราบนิมนต์พระองค์พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์ เพื่อฉัน
ภัตตาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น ด้วยสัญญาณของหม่อมฉันนี้ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเถิดว่า พระองค์เป็นผู้
อันหม่อมฉันนิมนต์ไว้แล้ว”
เมื่อทูลอาราธนาเสร็จแล้วก็ได้โปรยดอกมะลิ 8 กำขึ้นไปในอากาศ ดอกไม้เหล่านั้นได้ลอยไป
รวมตัวกันเป็นเพดานตาข่ายกลางอากาศเบื้องบนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้กำลังแสดงธรรมในท่ามกลาง
บริษัททั้ง 4 นั่นเอง
เมื่อพระธรรมเทศนาจบแล้ว อนาถบิณฑิกเศรษฐีซึ่งได้มาฟังธรรมด้วย ก็ได้ทูลนิมนต์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อฉันภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น แต่พระพุทธองค์ก็ตรัสบอกว่า ได้รับนิมนต์จากนาง
จูฬสุภัททาแล้ว ฝ่ายเศรษฐีจึงกราบทูลว่า
“นางจูฬสุภัททานั้นอยู่ไกลตั้ง 120 โยชน์ นางจะมานิมนต์พระองค์ได้อย่างไร”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ดูก่อนคฤหบดี สัตบุรุษทั้งหลาย แม้อยู่ในที่ไกล ย่อมปรากฏอยู่
ในที่ใกล้ เหมือนยืนอยู่เฉพาะเบื้องหน้า แล้วได้ตรัสพระคาถาว่า สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมปรากฏในที่ไกล
เหมือนภูเขาหิมพานต์ ส่วนอสัตบุรุษย่อมไม่ปรากฏในที่นี้ เหมือนลูกศรที่ถูกยิงไปในยามราตรีฉะนั้น”
วันรุ่งขึ้น พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระขีณาสพ ก็ได้เสด็จไปฉันภัตตาหารตามที่นาง
จูฬสุภัททานิมนต์ ยังความปลาบปลื้มปีติยินดีและความเลื่อมใสให้บังเกิดขึ้นแก่ครอบครัวของ อุคคเศรษฐี
เป็นอย่างมาก ในที่สุดทุกคนก็ได้บรรลุธรรมาภิสมัย
3.3 วิธีสังเกตผู้ที่ควรคบหาเป็นกัลยาณมิตร
การเลือกคบคนเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิต เพราะสามารถนำอนาคตของเรารุ่งโรจน์หรือ
ตกต่ำได้ พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ว่า การไม่คบหาสมาคมกับคนพาลเป็นมงคลของชีวิต เพราะคนพาลมักคิดไม่ดี
พูดไม่ดี ทำไม่ดีเป็นปกติ ชอบชักนำไปในทางที่ผิด ผู้ที่เข้าใกล้จึงมักมีความคิดเห็นผิดตามไปด้วย ดังนั้น
ผู้ที่ปรารถนาความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต จึงจำเป็นต้องหลีกให้ห่างไกลจากคนพาล
บัณฑิตในกาลก่อนเคยกล่าวเอาไว้ว่า “แม้ชมพูทวีปจะไร้ซึ่งคนดี ก็อย่าพึงคบกับคนพาลเลย
จงห่างไกลเหมือนคนหลีกหนีอสรพิษร้าย เพราะคนพาลย่อมนำแต่ความวิบัติมาให้ อกุศลทั้งมวลเกิดขึ้นได้
เพราะอาศัยคนพาล การคบกับคนพาลจึงมีแต่นำทุกข์มาให้โดยส่วนเดียว”
บทที่ 3 หลัก ธ ร ร ม ใ นการเป็นกัลยาณมิตร DOU 41