การคบหาสัตบุรุษและผลดีต่อตนเอง DF 101 การทำหน้าที่กัลยาณมิตรเบื้องต้น หน้า 53
หน้าที่ 53 / 142

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของการคบหากับสัตบุรุษและผลดีที่ได้รับ การเข้าไปเสพคนพาลส่งผลเสียให้กับชีวิต เช่นเดียวกับการเข้าไปเสพสัตบุรุษที่นำไปสู่ความดีและความเจริญ การมีผู้รู้หรือสัตบุรุษใกล้ตัวจะช่วยให้เรามีบทเรียนและแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เหมือนการห่อหุ้มของหอมด้วยใบไม้ นอกจากนั้นยังมีอานิสงส์ของการทำหน้าที่เป็นกัลยาณมิตรในสมัยพุทธกาล ที่มีผลให้หลายคนได้บรรลุธรรมด้วยการประกาศคุณของพระรัตนตรัยและชักชวนผู้อื่นให้ทำบุญกุศลผ่านข้อมูลเกี่ยวกับผู้มีพระคุณในอดีต รวมถึงการสนับสนุนจากพระเจ้าพันธุมะที่เห็นความสำคัญของการส่งเสริมความดีต่อสังคม โดยส่งม้าฝึกเพื่ออำนวยความสะดวก

หัวข้อประเด็น

-การคบหาสัตบุรุษ
-การหลีกเลี่ยงคนพาล
-บทบาทของกัลยาณมิตร
-พระรัตนตรัยและความสำคัญ
-อานิสงส์การทำความดี

ข้อความต้นฉบับในหน้า

นรชนใดห่อปลาเน่าด้วยใบหญ้าคา แม้ใบหญ้าคาของนรชนนั้น ก็ย่อมมีกลิ่นเน่าฟังไป ฉันใด การเข้าไปเสพคนพาล ก็ฉันนั้นเหมือนกัน นรชนใดห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ของนรชนนั้น ก็ย่อมหอมฟุ้งไปฉันใด การเข้าไปเสพนักปราชญ์ก็ฉันนั้น เหมือนกัน เพราะเหตุนั้น บัณฑิตรู้ความเปลี่ยนแปลง ของตน ดุจห่อใบไม้แล้ว ไม่ควรเข้าไปเสพอสัตบุรุษ ควรเสพแต่สัตบุรุษ ด้วยว่า อสัตบุรุษย่อมนำไปสู่นรก สัตบุรุษย่อมพาให้ถึงสุคติ' บัณฑิต คือคนที่มีใจผ่องใสอยู่เสมอ มีความเห็นถูกต้อง รู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว อะไรถูก อะไรผิด อะไรเป็นบุญ อะไรเป็นบาป ดำเนินชีวิตด้วยสติและปัญญา ทั้งสอนตนเองได้ และสอนผู้อื่นได้ ใครไปคบหา สมาคม ก็จะได้รับการชักนำให้ละเว้นความชั่ว ทำแต่ความดีปิดประตูอบายภูมิ และนำทางไปสู่สุคติโลกสวรรค์ ได้ การคบบัณฑิต จะทำให้เราได้รับการถ่ายทอดความรู้และคุณธรรม ทำให้เราพลอยเป็นบัณฑิต ดำรงชีวิตอยู่ ด้วยศีล สมาธิ ปัญญาไปด้วย เปรียบเสมือนใบไม้ที่ห่อหุ้มของหอม ซึ่งจะพลอยหอมตลบอบอวลไปด้วย ฉะนั้น การคบบัณฑิตจึงเป็นมงคลอย่างยิ่ง จะทำให้ชีวิตของเราประสบแต่ความสุขความเจริญ 3.4.2 ตัวอย่างอานิสงส์ของผู้ทำหน้าที่กัลยาณมิตร ในสมัยพุทธกาล สันตติมหาอำมาตย์ ได้ฟังธรรมเพียงบทเดียว ก็สามารถบรรลุธรรมเป็น พระอรหันต์พร้อมทั้งปฏิสัมภิทา 4 ตั้งแต่เป็นคฤหัสถ์ ท่านระลึกชาติไปดูว่าได้ทำความดีอะไรไว้ ถึงบรรลุธรรม ได้อย่างง่ายๆ ชนิด สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ปฏิบัติสะดวกและตรัสรู้ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อระลึกชาติไปดู ก็ทราบว่า ในสมัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ท่านบังเกิดในตระกูลสัมมาทิฏฐิ ในพันธุมดีนคร เมื่อทราบว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลก จึงอยากจะให้มหาชนได้รู้จักสั่งสมบุญ ข้ามภพข้ามชาติ อยากให้เขามาฟังธรรม จะได้มีพระรัตนตรัยภายในเป็นที่พึ่ง คิดแล้วก็ออกจากบ้านด้วยเท้าเปล่า ไม่มีใครชักชวนหรือบังคับ แต่ที่ทำไปเพราะ เห็นว่าเป็นบุญสำหรับตัวเอง และเป็นประโยชน์ใหญ่ต่อเพื่อนร่วมโลก จึงได้เที่ยวชักชวนมหาชนทั้งที่รู้จักและ ไม่รู้จัก ให้ทำบุญกุศลกัน ท่านได้ป่าวประกาศว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกแล้ว ขอพวกท่าน ได้มาทำบุญกุศลกันเถิด จงสมาทานอุโบสถศีล ถวายทาน และหาโอกาสไปฟังธรรมกันเถิด รัตนะอย่างอื่นที่จะ ประเสริฐเหมือนกับพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ ไม่มีอีกแล้ว ขอท่านทั้งหลายจงทำสักการบูชาพระ รัตนตรัยกันเถิด พระเจ้าพันธุมะ ผู้เป็นพระพุทธบิดา เมื่อสดับเสียงของเด็กหนุ่มคนนั้น ก็รับสั่งให้เรียกมา เข้าเฝ้า ตรัสถามว่า “พ่อหนุ่มน้อย เธอเที่ยวทำอะไรหรือ” เมื่อทรงทราบว่า เด็กหนุ่มนี้กำลังเดินเที่ยว ประกาศคุณของพระรัตนตรัย ชักชวนมหาชนให้สั่งสมบุญกุศลก็ทรงอนุโมทนาบุญด้วย พระองค์ทรงเห็นว่า การไปทำหน้าที่ทรงเกียรติอย่างนี้ เดินไปด้วยเท้าเปล่าคงลำบากมาก จึงพระราชทานม้าที่ฝึกอย่างดี เป็นยานพาหนะ สุขสูตร, ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ, มก. เล่ม 45 ข้อ 254 หน้า 469. * เรื่องสันตติมหาอำมาตย์, อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท, มก. เล่ม 42 หน้า 113-119. 44 DOU บทที่ 3 ห ลั ก ธ ร ร ม ใ นการเป็นกัลยาณมิตร
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More