ข้อความต้นฉบับในหน้า
ทรัพย์สมบัติที่แม่มอบให้ก็ให้เท่าๆกันมิใช่หรือ แม่ได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกขัดเคืองใจไม่พอใจที่ลูกว่ากล่าวทำนองไม่
อยากจะดูแลเลี้ยงดู นางจึงต้องไปอาศัยอยู่กับลูกชายคนรอง
เมื่อไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง สมัยแรกๆ ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี แต่พอนานวันเข้า ลูกสะใภ้ก็ดี
ลูกเขยก็ดี มักจะพูดจาไม่ไพเราะมีเจตนาจะให้นางไม่สบายใจ ทั้งไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร เมื่อทนไม่ไหวก็
อำลาลูกๆ คนนี้ไปอยู่บ้านหลังอื่น แม้ว่านางจะไปอาศัยกับลูกคนไหนก็ตาม ก็จะได้รับคำพูดที่แทงใจเสมอๆว่า
“คุณแม่แบ่งสมบัติให้ลูกแต่ละคนเท่าๆ กัน ก็ควรจะไปอยู่บ้านหลังอื่นบ้าง เพราะฉันเองก็มีภาระ
หน้าที่ต้องรับผิดชอบมากมาย”
เศรษฐินีท่านนี้ เห็นว่าไม่มีลูกคนไหนที่พอจะพึ่งพิงได้ หรือแม้อยู่ด้วย ก็อยู่เหมือนเป็นภาระของลูกๆ
เมื่อลูกแต่ละคนไม่ได้เต็มใจที่จะปรนนิบัติดูแลแม่ นางจึงนึกถึงพระบรมศาสดา เพราะทราบว่า พระพุทธองค์
เป็นผู้มีมหากรุณาต่อสรรพสัตว์เป็นเหมือนที่พึ่งของคนยากจึงตัดสินใจไปขอบวชเป็นภิกษุณีในพระพุทธศาสนา
เมื่อได้รับอนุญาตให้บวชเป็นภิกษุณีนางได้มองดูภาพประวัติชีวิตที่ผ่านมาว่าได้ทำความดีอะไรเอาไว้
เพื่อให้ตัวเองได้ปลื้มอกปลื้มใจบ้าง ก็ไม่ได้เห็นอะไรที่นำความปลื้มปิติมาให้เลย ตัวเองสามารถเลี้ยงลูกตั้ง
14 คน จนเติบโตมีครอบครัวกันหมด แต่ลูกทั้งหมดไม่มีใครสามารถเลี้ยงแม่คนเดียวได้ซักคน จึงคิดสอนตนว่า
ในปัจฉิมวัยที่ได้มาพบแสงสว่างแห่งชีวิต คือได้มีโอกาสอันเลิศ ได้บวชในบวรพระพุทธศาสนานี้ นางจะไม่
ประมาท เร่งรีบทำความเพียรให้เต็มที่ จะได้ไม่ถูกตำหนิว่า บวชในยามแก่ บวชมาเพื่อขอพึ่งวัด ซึ่ง
พระพุทธศาสนาเท่านั้น จึงตั้งใจที่จะปฏิบัติธรรมให้ได้บรรลุมรรคผลเร็วที่สุด
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วหลังจากปัดกวาดทำความสะอาดเสนาสนะ และทำวัตรปฏิบัติดูแลภิกษุณีผู้เป็น
เถระทั้งหลายแล้ว จึงตั้งใจทำสมาธิภาวนาไม่ได้ขาดเลยแม้แต่วันเดียว นางสลัดเรื่องราวทางโลกทั้งหมดมุ่ง
รักษาใจให้กลับมาตั้งไว้ที่ศูนย์กลางกายภายใน ใจไม่วอกแวกกันเลยทีเดียว มีอยู่คืนหนึ่ง นางตั้งใจว่าจะทำ
สมณธรรมตลอดคืนยันรุ่ง คือตัดสินใจว่า คืนนี้จะไม่นอนกันหละ บังเอิญว่า คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด นางมองไม่
เห็นอะไรเลย จะเดินจงกรมก็ลำบากเหลือเกิน คืนนั้น นางจึงใช้มือจับเสาไม้ต้นหนึ่ง เดินเวียนเสาไม้ทำ
สมณธรรม
ขณะเดินจงกรมแก้ง่วง ก็เอามือจับเสาไม้ไปด้วย เพราะเกรงว่าศีรษะจะกระทบกับต้นไม้หรือสะดุด
หกล้ม เพราะนางเป็นคนแก่ชรา จะเดินเหินเหมือนคนหนุ่มสาวทั่วไปก็ไม่ได้แล้ว เดินจงกรมไป ใจก็ตรึก
ระลึกนึกถึงคำสอนของพระบรมศาสดาไปด้วย แล้วก็พยายามประคับประคองใจให้หยุดนิ่ง คือ ข้างนอกเคลื่อน
ไหว ภายในก็หยุดนิ่ง ในขณะที่ใจของนางกำลังหยุดนิ่งอยู่ พระบรมศาสดาซึ่งประทับอยู่ในพระคันธกุฏี
ได้เห็นความตั้งใจจริงของนางจึงแผ่พระรัศมีออกไป เหมือนประทับนั่งอยู่ต่อหน้า แล้วตรัสพระธรรมเทศนาว่า
ผู้ใดไม่เห็นธรรมอันยอดเยี่ยม จึงเป็นอยู่ 100 ปี ความเป็นอยู่วันเดียวของผู้เห็นธรรมอันยอดเยี่ยม
ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ของผู้นั้น
นางได้ปล่อยใจตามกระแสพระธรรมเทศนา พิจารณาธรรมตามที่พระองค์ทรงแสดง แล้วดำเนินจิต
เข้าสู่กลางของกลางภายในเข้าไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ หมดสิ้นความอาลัยในโลก
ทั้งปวง เป็นผู้ถึงฝั่งแห่งใจหยุดนิ่ง มีพระนิพพานเป็นอารมณ์อย่างเดียว
บทที่ 4 ก า ร ทำ หน้าที่ กัลยาณมิตร ต่ อ ต น เ อ ง DOU 63