การเป็นกัลยาณมิตรในพระพุทธศาสนา DF 101 การทำหน้าที่กัลยาณมิตรเบื้องต้น หน้า 139
หน้าที่ 139 / 142

สรุปเนื้อหา

ในพระธรรมเทศนานี้ พระพุทธองค์ทรงสอนเกี่ยวกับคุณค่าของการมีความรู้และปัญญา เช่นเดียวกับการเป็นกัลยาณมิตรที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้อื่น เช่น คำสอนที่อ้างถึงพระสาวกในการเข้าถึงธรรม การมีเพื่อนดีมีส่วนสำคัญที่สามารถนำไปสู่การพ้นจากความมืดมิด ผู้ที่สามารถเป็นกัลยาณมิตรคือผู้ที่สามารถทำให้ผู้อื่นมีพลังในการเรียนรู้และเข้าใจธรรมะได้อย่างลึกซึ้ง และพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น

หัวข้อประเด็น

-การสอนของพระพุทธองค์
-ความสำคัญของกัลยาณมิตร
-การพัฒนาจิตใจและปัญญา
-ผลกระทบต่อชีวิตจากการเลือกเข้าสังคม
-การเปลี่ยนแปลงจากปุถุชนสู่พระอริยเจ้า

ข้อความต้นฉบับในหน้า

เมื่อเสร็จภัตกิจ พระพุทธองค์ทรงอนุโมทนา แล้วตรัสว่า “บุคคลไม่รู้คุณแห่งพระพุทธศาสนา และ คุณแห่งพระสงฆ์สาวก เพราะไม่มีปัญญาจักษุ สรรพสัตว์ผู้ไม่มีปัญญาจักษุชื่อว่าเป็นผู้มืดบอด ทรงเทศน์ สอนต่อไปว่า “ดอกปทุมมีกลิ่นหอม จึงเกิดในกองแห่งหยากเยื่ออันเขาทิ้งแล้วในใกล้ทางใหญ่นั้น ย่อมเป็นที่ เมื่อปุถุชนทั้งหลายผู้เป็นเพียงดั่งกองหยากเยื่อเกิดแล้ว รื่นรมย์ใจฉันใด พระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมไพโรจน์ล่วงปุถุชนทั้งหลายผู้เป็นดังคนบอดด้วยปัญญา ฉันนั้น” เมื่อจบพระธรรมเทศนา สรรพสัตว์แปดหมื่นสี่พันได้บรรลุธรรมาภิสมัย ครหทินน์และสิริคุตตต์ได้ บรรลุกายธรรมพระโสดาบัน และได้บำเพ็ญมหาทานบารมีในพระพุทธศาสนาจนตลอดอายุขัย 1 เราจะเห็นได้ว่า การที่เราจะคบกับใคร หรือรับฟังข้อมูลจากใครนั้น มีผลต่อชีวิตของเราอย่างมาก หากครหทินน์ไม่ได้สิริคุตตต์เป็นกัลยาณมิตร ชีวิตของเขาก็จะหลงผิด วนเวียนอยู่ในความมืด คืออวิชชา และเมื่อได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นยอดกัลยาณมิตรของโลก แม้เพียงครั้งเดียว เท่านั้น ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนแปลงจากปุถุชน ไปสู่ความเป็นพระอริยเจ้า การทำหน้าที่กัลยาณมิตรเป็น สิ่งที่ยิ่งใหญ่ น่าท้าทาย และไม่เกินความสามารถที่นักศึกษาจะทำได้ ดังนั้นนักศึกษาควรตระหนักและ ภาคภูมิใจว่า ตัวเราก็สามารถเป็นกัลยาณมิตรให้กับชาวโลกได้เหมือนกัน 8.5 อาศัยกัลยาณมิตรพิชิตความประมาท ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระสารีบุตรเถระพาพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่เที่ยวจาริกไปยังทักขิณาคิรีชนบท และพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายวัน วันหนึ่งมีภิกษุหนุ่มเดินทางมาจากกรุงราชคฤห์ เข้ามานมัสการ พระสารีบุตร หลังจากทักทายสนทนาปราศรัยกันครู่หนึ่งแล้ว พระเถระได้ไต่ถามถึงข่าวคราวทางเมืองราชคฤห์ว่า พระบรมศาสดา และหมู่ภิกษุสงฆ์สบายดีหรือ ภิกษุหนุ่มกราบเรียนว่า ทั้งพระบรมศาสดา และภิกษุสงฆ์ อยู่สำราญดี จากนั้นพระเถระได้ถามไถ่ถึงพราหมณ์ที่ท่านคุ้นเคยชื่อธนัญชานิ ภิกษุหนุ่มนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงกราบ เรียนท่านว่า “ธนัญชานิพราหมณ์อยู่สุขสบายดี แต่ว่าบัดนี้ไม่เหมือนก่อนเสียแล้ว จากที่เคยเป็นผู้มีศีลเป็น ผู้ประพฤติธรรม ก็กลายมาเป็นคนประมาทในชีวิต อาศัยอำนาจหน้าที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่ตั้งอยู่ในศีล ในธรรม ส่วนภรรยาซึ่งเป็นคนดีเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา บัดนี้นางได้เสียชีวิต เสียแล้ว เขาได้มีภรรยาใหม่ แต่ว่าภรรยาใหม่ของพรามหณ์ เป็นหญิงทุศีล ไม่ประพฤติธรรมเลย” พระสารีบุตรฟังแล้ว พลันเกิดมหากรุณาต่อพราหมณ์ผู้หลงผิด ท่านจึงได้พาภิกษุสงฆ์ออกจาก ทักขิณาคิรีชนบทเดินทางมุ่งหน้ามายังนครราชคฤห์ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นยามรุ่งอรุณ ขณะ ที่พระสารีบุตรกำลังเดินบิณฑบาตโปรดสัตว์ตามสมณวิสัย ธนัญชานีพราหมณ์เห็นพระเถระ ผู้กำลังเดิน อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เรื่องครหทินน์, เล่มที่ 41 หน้า 135-147 130 DOU บทที่ 8 ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ การ ทำ ห น้ า ที่ กัลยาณมิตร
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More