ข้อความต้นฉบับในหน้า
เวลา ที่เราเหลืออยู่ อย่างจำกัดนี้ ทำอย่างไรจะให้ได้กำไรชีวิตมากที่สุด ก็ต้องสังสมคุณธรรม สังสมบารมี ๑๐ ทัศ สังสมกุศลกรรม ๑๐ ประการ หรือจํ่าง ๆ ย่อ ๆ ก็คือ ทาน ศีล ภาวนา สามอย่างนี้ง่ายที่สุด ถ้าง่ายกว่านี้เข้าไปอีกก็คือ ทำพระในตัวให้บังเกิดขึ้น กระทั่งเห็นท่านชัดใสแจ่ม ทั้งหลับตา ลืมตา นั่ง นอน ยืน เดิน หากทะเมนลิ้มกิ้นพระติดแน่ อยู่กลางกาย อย่างนี้จะได้กำไรชีวิต
เราเกิดมาในโลกนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง หรืออย่างน้อยก็สังสมบุญบารมีให้กรอ ปรารถนาจะบรรลุวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ และมรรคผลนิพพานก็อยู่ในตัวไม่ใช่ออกไป ฟ้า ป่าหิมพานต์ ตามป่า ตามเขา ตามห้วยหนองคลองบึงดวงดาวต่าง ๆ แต่อยู่ในตัว
เพราะฉะนั้น ที่กล่าวว่าพระนิพพานเป็นสิ่งที่หมดสิ้มในกายเข้าสิงนั้นไม่จริงเลย เพราะว่าพระนิพพานไม่ได้อยู่ในโลก แต่อยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน จึงเป็น อากาสโลก คือเหนื่อคำว่า สมัย อยู่พินาทบทา เวลาไปแล้ว หมายความว่า ถ้าใจหยุดนิ่งได้ถูกส่วนเมื่อไรก็เข้าถึงเมื่อนั้น และไม่ได้ผูกราดแผนเฉพาะนักบวช หรือเฉพาะพระดงฤด ถ้าเป็นมราวาสก็หมดสิทธิ์ แล้วยังมายุคสมัยนี้ไโยเทคโนโลยี ยิ่งห่างไกลมรรคผลนิพพาน ความจริงไม่ใช่เลย เพราะจะไยเทคนิคแค่ไหนก็แล้วแต่ มรรคนิพพานยังติดตามอยู่ตัวของมนุษย์ หยุดเมื่อไรก็เข้าถึงเมื่อนั้น นี่คือวัตถุประสงค์ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ จะรู้หรือไม่รู้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ความจริงเป็นอย่างนี้