การทำความเข้าใจและรับมือกับความมืดในจิตใจ บางสิ่งที่แสวงหา หน้า 22
หน้าที่ 22 / 218

สรุปเนื้อหา

บทความนี้พูดถึงการยอมรับความมืดในจิตใจซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารัก การทำความเข้าใจว่าความมืดกับความคิดเป็นของคู่กัน ขณะเรารับรู้และฝึกสมาธิ ความมืดอาจไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่เป็นโอกาสที่จะเติบโตในทางจิตใจ ความรู้สึกเมื่อยหรือการฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนต้องเผชิญ การฝึกสมาธิจะช่วยให้เราเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงการจัดการกับความยุ่งเหยิงของความคิดที่เกิดจากประสบการณ์.

หัวข้อประเด็น

-การทำสมาธิ
-ความมืดในจิตใจ
-อุปสรรคทางจิต
-การจัดการความคิด
-การเติบโตทางจิตใจ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ความมืด คือ สหายของเรา เป็นกลอของเรา เป็นความมืดที่น่ารัก คิด อย่างนี้แล้วใจเราจะสบาย ไม่ต้องฝืนอารมณ์ เผื่อไว้ความมืดเหมือนเรา อยู่ห้องมืด ๆ พอเรายืนเฉย ๆ ไม่ช้าสายตาก็จะคุ้นกับความมืด จากมืดมาก มายมืดมิด มืดมัว มืดสนิท ๆ กระทั่งพอจะแว่นวัตถุสูงของ โต๊ะ ตู้ เตียง ตั้ง ที่อยู่ในห้องมืด ๆ นั่นได้ แล้วก็ม่องเห็นวัตถุชัดตรงไหน ไปดาวสวิตซ์ บันใสความมืดไปได้ ความมืดภายในก็เช่นเดียวกัน แค่เราทำงี้ ๆ เฉย ๆ สบาย ๆ แล้วเราก็จะค้นพบว่า ความมืดจริง ๆ แล้วไม่มีเลย จากมืดมาก มืดมิดมวล แล้วก็ไม่ ค่อยจะมืดดี แล้วก็ฟ้าสาง ๆ เดี๋ยวก็แจ้งจางไปเลย ที่อึกข้อที่เป็นอุปสรรค คือ ความเมื่ยง บางคนเมื่อยนิ้วเดียวก็เลิกนัง แล้ว อย่าลืมว่าเราเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่เทวดา ก็มีเมื่ยงเป็นธรรมดา ความ เมื่ยงนี้แกไม่ยาก ไม่เป็นอุปสรรค เมื่อยก็ยุบก็แค่นั้นเอง ความฟุ้ง คือ ขบวนการของความคิดที่ถูกเก็บสะสมเอาไว้ในดวงใจ ของเรา จากประสบการณ์ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั้งเข้านอน ไม่ว่าเราจะทำ ภารกิจการงานอะไรด้าม รวมทั้งเรื่องราวในอดีที่ผ่านมาแล้ว สิ่งเหล่านี้ถูก เก็บสะสมเอาไว้ในใจ พอถึงเวลาที่เรามานั่งสมาธิ มันจะค่อย ๆ คลี่คลายออก มา เป็นภาพบ้าง เป็นเสียงบ้าง เป็นทั้งภาพทั้งเสียงบ้าง จนกระทั้งเกิดความ รู้สึกเบื่อหน่าย คิดว่ามันเป็นอุปสรรค ความจริงแล้ว ความคิดกับจิตเป็นของคู่กันตลอดนะ อยู่ในน้ำก็คิด ได้ ฟังได้ ไปอยู่ในอากาศโล่ง ๆ ก็คิดได้ อยู่ตรงไหนก็คิดได้ทั้งนั้น ที่ใดมี ความคิด ที่นั้นก็ฝึกคิดได้ ไม่ใช่เป็นอุปสรรคอะไรเลย
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More