ข้อความต้นฉบับในหน้า
ในสมัยพุทธกาล การปวารนาท็เป็นเรื่องจริงจังเลย ไม่ได้ถือเป็นแค่ธรรมเนียมปฏิบัติ ถือเป็นอธิบายประเด็น เขาจะตักเตือนกันจริง ๆ จัง ๆ เพราะภิกษุทุกรูปที่บวชในสมัยนั้น มิวัตรุPurpose เพียงอย่างเดียวคือทำพระนิพพานให้แจ้ง
เดิมทีพระภิกษุท่านก็เป็นอดีตราวาส มาจากหลายตระกูล หลายชั้น เมื่อได้รับฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็เกิดความเข้าใจ เมื่อมาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาเห็นว่า ชีวิตในสังสารวัฏนี้ล้วนแต่มีทุกข์โทษเพราะทุกคนล้วนตกอยู่ภายใต้อาณัติแห่งธรรม ไม่ว่ากระทำทางกายทางวาจาหรือทางใจล้วนมีผลทั้งสิ้น จะรู้หรือไม่รู้ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม
โดยเฉพาะแก่มะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เองในสมัยที่ยังเรื่อยว่ายตายเกิดสร้างบารมีเรื่อยมา บางชาติก็มีชีวิตที่รุ่งเรืองมีสุดดีเป็นที่ไป แต่บางชาติก็พลัดหลงไปอบายภูมิ ก็เมื่อท่านได้บรรลุอรันติสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไปเห็นสิ่งเหล่านี้ด้วยพระธรรมยอรันทสัมมาสัมพุทธเจ้า มีเมตตาธรรมก็เลยนำมาบรรจุนำเสนอ ผู้มีปัญญาเมื่อได้รับฟังก็พิจารณาด้วยสติปัญญา ด้วยเหตุผล ก็เห็นทุกข์ภัยในวัฏสงสาร ก็อยากจะหลุดพันจากวัฏฎะ ซึ่งจะหลุดพันได้ก็ต้องจัดเกลาสะสรวมให้หมดสิ้นไป ก็มา พิจารณาดูว่าชีวิตของงามราวนั้นยากที่จะหาเวลามาปฏิบัติธรรมในระดับขั้นที่จะจัดเกลาสะสรวมให้หมดสิ้นไป และเห็นว่าการออกวรเป็นวิธีเดียวที่สุด ปลดกังวลและปลอดภัย มีเวลาทำความเพียรเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งได้จึงตัดสินใจออกบวช โดยมีวัตถุประสงค์นี้เป็นหลัก ไม่ใช่เพราะขี้เกียจทำมาหากินทางโลก หรือไม่มีมือในการทำมา หากิน เพราะอย่างไรลำบากลำบนเลี้ยงชีพไม่ได้ตายอยู่แล้ว