ข้อความต้นฉบับในหน้า
7
แ ก่ ผู้ มี พ ร ะ คุ ณ
ฉะนั้นการที่น้องเณรมาบวชเป็นสามเณรตั้งแต่ยังเด็กอยู่นี้
ขอให้น้องเณรทราบเถอะว่า นอกจากจะเกิดเป็นบุญกุศลติด
ตัวเราไปแล้ว พ่อแม่ผู้ให้กำเนิด เมื่อท่านอนุโมทนาก็ย่อมได้รับ
อานิสงส์จากการบวชของเราไปด้วย เพราะสิ่งนี่คือการตอบแทน
พระคุณที่ดีที่สุดแล้ว
หากยามไหนที่น้องเณรจะกระทำาเรื่องราวใดที่ไม่ถูกไม่ควร
ขอให้น้องเณรลองคิดสักนิดเถอะว่า “กระท่อมหลังน้อยโดด
เดี่ยวกลางผืนนาอันแห้งแล้ง เปลวแดดร้อนแรงปานจะทุบพื้น
นาให้แยกแตกสลาย ยังมีดวงตาอันพร่ามัว เปลี่ยนจากสีดำใน
วัยหนุ่มสาว มาเป็นสีน้ำข้าวจางๆ ในวัยชราของผู้เฒ่าอีกสองคน
ซึ่งยังคงมองฝ่าไอระอุของเปลวแดดไปเบื้องหน้า ด้วยความ
หวังว่าจะได้เห็นผ้าเหลืองของสามเณรลูกชายโบกสะบัดมาดับ
ความร้อน ให้กับผืนนาในหัวใจอันแตกระแหงนี้ และมอบความ
ชุ่มเย็นจากธรรมะไว้เป็นที่พึ่งแก่ท่านทั้งสองในยามหลับตาลาโลก
ผู้ที่มีพระคุณต่อเรา นอกจากโยมพ่อโยมแม่ผู้ให้กำเนิดแล้ว
บุคคลที่เราไม่อาจจะมองผ่านได้ทั้งยังไม่อาจจะลืมเลือนได้เช่นกัน
นั่นคือ “พระพี่เลี้ยง” คำๆ นี้รวมความหมายอันสูงค่าหลายๆ
อย่างไว้ในตัว ต้นกล้าหากไม่มีไม้หลักปักเอาไว้ ย่อมถูก
โค่นล้มโดยง่ายดายและตายในที่สุด เนื่องเพราะยังเป็นต้นอ่อน
เกินกว่าที่จะเผชิญกับพายุร้ายโหมกระหน่ำ จึงมิอาจยืนหยัด
อยู่ด้วยลำต้นของมันเอง หากจะเปรียบกับน้องเณรก็คงเป็นเช่น
ดั่งต้นกล้า หากไม่มีพระพี่เลี้ยงคอยประคับประคอง แนะนำ