ข้อความต้นฉบับในหน้า
7
รั ก แ ท้ . . . แ ก่ น้ อ ง เ ณ S
พอออกพรรษาหลวงปู่ท่านก็สอนสมาธิแบบพุทโธให้ ตอน
นั้นพี่เณรจําได้ว่านั่งไปแล้วเห็นดวงสว่างอยู่ตรงหน้า มีความ
รู้สึกเหมือนจะลอยได้จริงๆ มีความสุขมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่าง
ไรต่อไป จากนั้นพี่เณรก็ฝึกบ้างไม่ฝึกบ้าง เพราะไม่มีใครเคี่ยวเข็ญ
ในช่วงนั้นโยมพ่อโยมแม่ตามมารบเร้าให้พี่เณรลาสิกขา
ให้ออกไปช่วยทํางาน แต่พี่เณรก็ตอบปฏิเสธท่านไป เพราะว่า
ในขณะนั้นใจยังรักผ้าเหลืองอยู่ ยังอยากจะศึกษาให้ยิ่งขึ้นไป
กว่านี้ อยากจะเรียนนักธรรมโทและบาลีด้วย จึงได้ปรึกษาหลวงปู่
บอกความในใจให้ท่านทราบ
ท่านได้นําไปฝากไว้ที่วัดเจ้าคณะอำเภอ ใจจริงแล้วก็ไม่
อยากจะจากหลวงปู่ไป แต่หลวงปู่ก็สนับสนุนพี่เณร ท่านบอกว่า
“มีความรู้แล้วให้กลับมาช่วยพัฒนาวัดของเราบ้างนะ”
พี่เณรมีความรู้สึกเหมือนกับเราทอดทิ้งท่านไป จึงระลึก
อยู่เสมอว่าสักวันหนึ่งข้างหน้า เราจะกลับมาตอบแทนพระคุณ
หลวงปู่ให้ได้
๓
ที่วัดเจ้าคณะอำเภอมีสามเณร ๓๐ กว่ารูป อยู่ได้เพียง
เดือนก็มีเพื่อนมาชวนไปหาวัด เพื่อศึกษาภาษาบาลีในกรุงเทพฯ
พี่เณรตัดสินใจตอบตกลงทันที จึงพากันไปกราบลาท่านเจ้าอา-
วาส ท่านเห็นความตั้งใจดีของเราจึงเมตตาแนะนำวัดและพระ
ที่ท่านรู้จัก ให้ชื่อที่อยู่เรียบร้อยแล้วยังถวายปัจจัยค่ารถรูปละ
๕๐๐ บาท พี่เณรรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจท่านเป็นอย่างมาก