ข้อความต้นฉบับในหน้า
แผ่ไปยังสัตว์ทั้งหลายต่อจากตนเองมากเข้า อุปจารสมาธิ และอัปปนาสมาธิย่อมเกิด
2) เมื่อแผ่เมตตาให้ตนเองเป็นสักขีพยานแล้ว จึงแผ่ให้แก่ผู้ที่รักใคร่ชอบพอนับถืออย่างธรรมดา
เช่นครูอาจารย์ หรือผู้ที่มีคุณธรรมเทียบเท่า ที่ตนเองรักใคร่ ชอบใจ เคารพสรรเสริญ ระลึกถึงคุณงาม
ความดีที่ได้รับจากบุคคลเหล่านั้น เช่น การที่ท่านให้ทานทั้งวิทยาทาน อามิสทาน ธรรมทานแก่ตน ตลอด
จนปิยวาจาที่เคยได้รับมาต่างๆ
3) แผ่เมตตาถึงในบุคคลที่รักยิ่ง เช่น บิดา มารดา บุตรธิดา สามีภรรยา ตามลำดับความรัก
4) แผ่เมตตาไปในบุคคลที่ไม่รู้สึกรักหรือชัง รู้สึกเฉยๆ เป็นกลางๆ
5) แผ่เมตตาไปในคนที่มีเวรต่อกัน
6) เมื่อใดเมตตาจิตของผู้ปฏิบัติเกิดมีเท่าเทียมกันในบุคคลทั้ง 4 ประเภท คือ ตัวเอง คนที่ตนรัก
คนที่ตนรู้สึกเฉยๆ และคนที่โกรธกัน ดังนี้แล้ว ให้แผ่เมตตาออกเป็น 3 สถาน คือ แผ่ไม่เฉพาะ แต่เฉพาะ
และแผ่ทั่วทิศทั้ง 10 แผ่ไม่เฉพาะ ได้แก่ สัตว์ทั้งหลายที่ยังข้องอยู่ภพต่างๆ ฯลฯ
ทิศทั้ง 10
สิ้นเถิด
แผ่เฉพาะ ได้แก่ หญิงทั้งหลาย ชายทั้งหลาย พระอริยเจ้าทั้งปวง เทวดาทั้งหลาย ฯลฯ แผ่ไปใน
วิธีแผ่เมตตาแก่ตนและคนอื่น
การแผ่เมตตาแก่ตน มี 4 ประการ เวลาคิดแผ่เมตตาจะใช้เพียงประการใดประการหนึ่งก็ได้
อะหัง อเวโร โหมิ ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีศัตรู (ทั้งภายในและภายนอก)
อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้ที่ไม่มีความพยาบาท (วิตกกังวล เศร้าโศก)
อะหัง อนีโฆ โหมิ ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้ไม่มีความลำบากกาย ลำบากใจ (พ้นจากอุปัทวเหตุ)
อะหัง สุขี อัตตานัง ปริหราม ขอข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้ง
การแผ่เมตตาให้ผู้อื่น มี 4 ประการเช่นเดียวกัน
สัพเพ สัตตา อเวรา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อัพยาปัชฌา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปริหรันตุ
38 DOU สมาธิ 3 อุ ป ส ร ร ค แ ล ะ วิ ธี แก้ ไ ข ใ น ก า ร ทำสมาธิ