การทำความเข้าใจเกี่ยวกับกามฉันทะ พยาบาท และถีนมิทธะ MD 203 สมาธิ 3  หน้า 15
หน้าที่ 15 / 111

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงกามฉันทะ หมายถึง ความรักในทางกามที่เกิดจากความพอใจในกามคุณทั้งห้า ซึ่งสามารถทำให้จิตใจกระวนกระวายและทุกข์ได้ พยาบาท ถือเป็นความคิดหรือความรู้สึกไม่ชอบใจ ที่เกิดจากโทสะและอาจส่งผลต่อจิตใจให้ไม่สงบ และถีนมิทธะ เกี่ยวข้องกับความท้อแท้และความเกียจคร้าน ซึ่งก่อให้เกิดอุปสรรคในการทำสมาธิและการใช้ชีวิตอย่างมีสุข เมื่อทำให้เกิดจิตที่มัวหมองและยากที่จะคืนสู่ความสงบสุข การจัดการกับกิเลสเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาจิตใจให้ดีขึ้น.

หัวข้อประเด็น

-กามฉันทะ
-พยาบาท
-ถีนมิทธะ
-การจัดการกิเลส
-ผลกระทบต่อจิตใจ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

1. กามฉันทะ หมายถึงความรักใคร่ในทางกาม บางทีเรียกว่า “กามราคะ ความคิดในกาม” คือ มีความพอใจในกามคุณทั้งห้า อันได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัสทางกายอันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ ในเพศที่ตรงกันข้าม หรือแม้แต่เพศเดียวกัน เมื่อมีมากย่อมทำให้เกิดความหมกมุ่น ครุ่นคิด เพ่ง เล็งถึงความน่ารัก น่าใคร่ในกามคุณ เนื่องจากใจยังหลงติดในรสของกามคุณทั้ง 5 นั้น จนไม่สามารถสลัด ออกได้ เมื่อเกิดขึ้นกับคนใดก็เผาจิตใจของบุคคลนั้นให้กระวนกระวายเดือดร้อน ท่านจึงเรียกกิเลสชนิดนี้ว่า “ราคัคคี - ไฟคือราคะ” ซึ่งแผดเผาใจให้กระวนกระวาย และทำให้มืดมน ไม่เห็นอรรถไม่เห็นธรรม ใครก็ตามที่ถูกไฟกองนี้เข้าประจำจิตแล้ว บุคคลนั้นยากที่จะหาความสุขได้ แต่จะมีความทุกข์ มีความกระวนกระวาย มีความเดือดร้อนต่างๆ 2. พยาบาท คือ ความคิดร้าย ความรู้สึกไม่ชอบใจสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ได้แก่ ความอุ่นใจ ความ ขัดเคืองใจ ความไม่พอใจ ความโกรธ ความผูกโกรธ ความเกลียด ความผูกใจเจ็บ การมองในแง่ร้าย การ คิดร้าย มองเห็นคนอื่นเป็นศัตรู ความรู้สึกเหล่านี้ทำให้ใจกระสับกระส่ายไม่เป็นสมาธิ และจัดเป็นไฟ ประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเผาลนจิตใจของชาวโลกให้เดือดร้อนกระวนกระวาย ท่านเรียกไฟกองนี้ว่า “โทสัคค - ไฟคือโทสะ” กิเลสนี้มีความก่อตัวขึ้นมาตามลำดับดังนี้ ครั้งแรก ถ้าไม่พอใจสัตว์หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งแล้ว จิตก็จะเกิด ปฏิฆะ - ความกระทบกระทั่งจิต ถ้าห้ามไว้ไม่อยู่ก็จะพุ่งตัวขึ้นไปเป็น โกธะ - ความโกรธ ถ้ายับยั้งความโกรธไว้ไม่อยู่ก็จะกลายเป็น โทสะ - ความเกรี้ยวกราด อาจจะด่าว่าหรือทำร้ายผู้อื่นที่ตนไม่พอใจ ถ้ายับยั้งโทสะไว้ไม่ได้ก็จะกลายเป็น พยาบาท - ความผูกใจเจ็บ หรือความอาฆาตเคียดแค้น เป็นนิวรณ์ตัวนี้ ถ้าความอาฆาตแค้นนั้นมีมาก ก็ จะก่อตัวขึ้นเป็นการจองเวร ลักษณะของพยาบาทกับการจองเวรต่างกันในข้อที่ว่า พยาบาท - การผูกใจเจ็บนั้น ถ้าสามารถ แก้แค้นได้แล้วอาจจะหายได้ ส่วนการจองเวรนั้นแม้ได้แก้แค้นแล้วก็ยังไม่หาย คือต้องล้างผลาญกันไป ทุกภพทุกชาติ การผูกพยาบาทนั้น เหมือนกับการผูกเชือกที่มีเงื่อนเป็น ส่วนการจองเวรเหมือนการผูกเชือกที่ มีเงื่อนตาย คือแก้ยาก เวรจึงมีความร้ายแรงกว่าพยาบาท แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นไฟหรือนิวรณ์ที่กั้นจิตของ เราไม่ให้เกิดความสงบสุขได้ เมื่อเกิดขึ้นกับผู้ใด ผู้นั้นต้องทำลายนิวรณ์ตัวนี้เสียก่อนจึงจะทำใจให้สงบได้ 3. ถีนมิทธะ เป็นนิวรณ์ข้อที่ 3 ถีนะและมิทธะเป็นคำติดกัน แต่มิใช่กิเลสตัวเดียวกันเป็นกิเลส ที่มักเกิดขึ้นมาด้วยกันเสมอ กิเลสทั้งสองนี้เป็นกิเลสที่เกิดขึ้นกับใจแล้วทำให้ใจมัวหมอง ถีนะ แปลว่า ความ ท้อแท้ใจ หรือหดหู่ใจ ถดถอย ท้อแท้ ซบเซา เหงาหงอย มิทธะ แปลว่า ความเกียจคร้านหรือความง่วงซึม ความเฉื่อยชา โงกง่วง อืดอาด ซื้อตัน อาการซึมๆ เฉาๆ ที่เป็นไปทางกาย กิเลสสองตัวนี้เมื่อเกิดขึ้นจะทำให้ขาดความกระตือรือร้นในการทำกิจกรรมต่างๆ ขาดกำลังใจ 6 DOU ส ม า ธิ 3 อุ ป ส ร ร ค แ ล ะ วิ ธี แ ก้ ไ ข ใ น ก า ร ทำสมาธิ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More