ข้อความต้นฉบับในหน้า
2. ไม่รู้ประมาณในโภชนะ
การไม่รู้จักประมาณในการบริโภคก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่จะทำให้จิตเกิดความฟุ้งซ่านขึ้นได้ หาก
เราบริโภคอาหารน้อยเกินไป ก็จะทำให้จิตกระสับกระส่ายเพราะความหิว แต่หากเราบริโภคอาหารมาก
เกินไปก็จะทำให้ร่างกายอึดอัดเป็นต้น ในเรื่องการบริโภคอาหารให้พอดีนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรง
โปรดแนะนำแก่พระราชาปเสนทิ โดยให้ใช้หลักให้ลดลงวันละคำ คือพอรับประทานไปรู้สึกว่าอีกคำหนึ่งจะ
อิ่มก็ให้หยุดเสีย พอมื้อต่อไปก็ตัดอาหารเท่าที่ลดในวันแรกนั้นออก แล้วก็หยุดก่อนอิ่ม 1 คำเช่นเดียวกัน ลด
ลงอย่างนี้จนรู้สึกสบายแล้วจึงถือเป็นมาตรฐาน
3. ไม่ประกอบความเพียรเป็นเครื่องตื่นอยู่
โดยปกติบุคคลผู้มีอัธยาศัยเป็นคนขยันหมั่นเพียรเป็นนิจ จิตใจมักไม่ฟุ้งซ่านเพราะต้องจดจ่อกับ
สิ่งที่ตนกระทำ ต่างจากบุคคลผู้เกียจคร้าน ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่าๆ โดยมิได้ทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอัน
จิตใจของเขาย่อมฟุ้งซ่านสับสนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำให้ประกอบความเพียรโดยการฝึกให้มีสติ
อยู่กับตนตลอดเวลา เมื่อสติอยู่กับตนเองตลอดเวลาแล้วความฟุ้งซ่านก็ยากที่จะบังเกิดขึ้น
4. การไม่เห็นแจ้งในกุศลธรรมทั้งหลาย
ธรรมทั้งหลายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธรรมที่จะรู้เห็นได้ด้วยการลงมือประพฤติปฏิบัติ
หากไม่ลองประพฤติปฏิบัติก็ย่อมไม่เห็นแจ้งในกุศลธรรมทั้งหลาย เมื่อไม่เห็นแจ้งในกุศลธรรม ความฟุ้ง
ซ่านย่อมเข้าครอบงำจิตได้
5. ไม่ประกอบการเจริญโพธิปักขิยธรรมทั้งกลางวัน และกลางคืน
ไม่เจริญโพธิปักขิยธรรมตามการปฏิบัติ คือ การไม่หมั่นนั่งสมาธิ เอาใจจรดศูนย์กลางกายทั้งกลางวัน
กลางคืน นั่นเอง
5.3 วิธีแก้ไขอุทธัจจกุกกุจจะ
วิธีแก้ไขอุทธัจจกุกกุจจะในที่นี้จะยกมาจากทั้งคัมภีร์ และจากการฝึกปฏิบัติจริง
5.3.1 ตามคัมภีร์
ในอรรถกถา ได้กล่าวถึงธรรม 6 ประการ ย่อมเป็นไปเพื่อละ อุทธัจจกุกกุจจะ คือ
ทีฆนิกาย มหาวรรค, มก. เล่ม 14 หน้า 324.
บ ท ที่ 5
อุ ท ธ จ จ ก ก ก จ จ ะ แ ล ะ วิธี แก้ไข DOU 71