ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี 13
ท่านบวชแล้ว มีฉายาว่า “จนฺทสโร” เป็นพระภิกษุ สด จนฺทสโร ที่นี่เอง
ท่านได้ละทิ้งเพศฆราวาส สู่เพศของบรรพชิต มุ่งศึกษาธรรมอย่างจริงจัง
พรรษาแรก ท่านจำพรรษาอยู่ที่นี่ เรียนธรรมะไป จนพบคำว่า “อวิชชาปจฺจยา
อยากจะรู้ว่าแปลว่าอะไร ท่านเที่ยวถามหาผู้รู้ที่จะตอบได้ เขาก็ว่าถ้าอยากจะรู้ต้องไป
เรียนที่บางกอก พรรษาต่อมาท่านจึงได้ไปอยู่ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ
หลังจากที่ท่านบรรลุธรรมเข้าถึงธรรมกายแล้ว ท่าน
หลวงพ่อกลับมาที่นี่อีกครั้ง
ได้พาพระภิกษุที่ได้เข้าถึงธรรมกายมาที่วัดสองพี่น้องด้วย และมีพระภิกษุที่วัดนี้ได้รู้เห็น
ธรรมตามท่านอีก ๑ รูป
๑
เราจากวัดสองพี่น้อง มุ่งหน้าสู่วัดบางปลาต่อไป
รถยนต์พาเราผ่าน อ.สองพี่น้อง อ.กำแพงแสน เข้า สู่ อ.บางเลน ใช้เวลาประมาณ
ชั่วโมง ก็มาถึงวัดบางปลา ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำท่าจีน
ลมเย็นๆ พัดจากแม่น้ำเข้ามาในเขตวัด ให้ความรู้สึกเย็นสบายจริงๆ สภาพที่พัก
ภายในวัด ส่วนหนึ่งยังเป็นกุฏิเดิมๆ เห็นแล้วก็นึกถึงว่า
นี่คือสถานที่ที่สมัยหลวงพ่อเป็นเด็กๆ มาเรียนหนังสือกับพระอาจารย์ทรัพย์ จนรู้
ภาษาไทยและภาษาขอมได้ดี และเป็นสถานที่ที่มีผู้รู้ธรรมะ เห็นธรรมะ ตามหลวงพ่อ
เป็นพระภิกษุ ๓ รูป และฆราวาสอีก ๔ ท่าน
ณ ที่แห่งนี้จึงเปรียบได้กับป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระปัญจวัคคีย์
ได้รู้เห็นธรรมตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระภิกษุและคฤหัสถ์ที่รู้เห็นธรรมตามหลวงพ่อวัดปากน้ำ จึงเป็นพยานยืนยันว่า
หนทางปฏิบัติที่ท่านพบนั้นเป็นของกลาง เมื่อปฏิบัติถูกต้องแล้ว ก็จะเข้าถึงได้เช่นเดียว
กับท่าน เป็นประจักษ์พยานได้ว่า “สิ่งที่ท่านพบนั้นเป็นของจริง ผู้ใดปฏิบัติได้ถูกต้อง
ย่อมเข้าถึงได้อย่างแน่นอน”
เนื่องจากวัดบางปลาอยู่ติดกับแม่น้ำท่าจีน และคลองสองพี่น้องที่ไหลผ่านบ้านเกิด
ของหลวงพ่อก็เชื่อมกับแม่น้ำท่าจีน การเดินทางจากบ้านท่านไปวัดบางปลาในสมัยนั้น
จึงสะดวกสบาย และอยู่ไม่ไกลกันนัก อ.สองพี่น้อง และ อ.บางเลน ก็อยู่ติดกันนั่นเอง
แต่น่าเสียดายว่าปัจจุบันไม่มีเรือเดินทางในคลองสองพี่น้อง และแม่น้ำท่าจีนแล้ว