ธรรมดำและธรรมขาวในพระพุทธศาสนา ตามรอยพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำ) หน้า 160
หน้าที่ 160 / 188

สรุปเนื้อหา

บทความนี้กล่าวถึงการแยกแยะระหว่างธรรมดำและธรรมขาวในพระพุทธศาสนา โดยอธิบายลักษณะที่ชัดเจนของธรรมทั้งสองฝ่าย เช่น ธรรมดำที่มีอภิชฌาสัญญาคือความโลภและโกรธ ขณะที่ธรรมขาวเกี่ยวข้องกับการทำใจให้ผ่องใสและการปฏิบัติตามหลักธรรมวินัยของพระศาสดา การปฏิบัติจึงต้องมีการจัดกาย วาจา ใจ ให้ถูกต้องตามหลักการที่วางไว้เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตในธรรมขาว บทความยังบรรยายถึงลักษณะของกายและธรรมในแต่ละประเภทอย่างละเอียด ทั้งกายมนุษย์และกายทิพย์ รวมถึงคุณสมบัติของการเป็นสุขจากการปฏิบัติธรรมแท้.

หัวข้อประเด็น

-ธรรมดำ
-ธรรมขาว
-พระธรรมวินัย
-การทำใจให้ผ่องใส
-ลักษณะของกายมนุษย์และกายทิพย์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

142 ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี ธรรมดาเป็นของมาร “ธรรมขาวเป็นธรรมสำคัญ ธรรมดำเป็นธรรมฝ่ายของพญามาร แท้ๆ ไม่ใช่ของพระ ของพระเป็นฝ่ายธรรมขาวแท้ๆ ไม่ใช่ธรรมดำ ตรง กันข้ามดังนี้ แต่ว่าผู้ประพฤติปฏิบัติในพระธรรมวินัยของพระศาสดา ทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสกอุบาสิกา ไม่รู้จักชัดว่าปฏิบัติดังนี้เป็นธรรมดำ ปฏิบัติ ดังนี้เป็นธรรมขาว ไม่รู้ชัด จะรู้จักชัดต้องจัดกาย วาจา ใจ ออกไปเป็นขั้นๆ ทุจริตกาย วาจา จิต นั่นเป็นธรรมดำ สุจริตด้วยกาย วาจา จิต นั่นเป็นธรรมขาว ทำใจให้ผ่องใส นั่นเป็นธรรมขาว ถ้าใจมืดมัวขุ่นหมอง นั่นเป็นธรรมดำ นี่เป็นธรรมดำธรรมขาว มีลักษณะอย่างนี้ ชั่วเป็นฝ่ายดำทั้งนั้น ดีเป็นฝ่ายขาว ที่นี้ฝ่ายธรรมดำ ใจมนุษย์มีอภิชฌา พยาบาท มิจฉทิฏฐินี่ฝ่ายธรรมดำ(ของ)กายมนุษย์ ตลอดกายมนุษย์ละเอียด กายทิพย์ มีธรรมดำ โลภะ โทสะ โมหะ ตลอดกายทิพย์ละเอียด นี่ เป็นฝ่ายธรรมดา กายรูปพรหมทั้งหยาบทั้งละเอียด มีราคะ โทสะ โมหะ นี้เป็นฝ่าย ธรรมดำ ตลอดจนรูปพรหม ละเอียด กายอรูปพรหม มีกามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย อวิชชานุสัย ทั้งหยาบ ทั้งละเอียด นี้เป็นฝ่ายธรรมดำ ฝ่ายธรรมขาว ให้ทาน เมตตา สัมมาทิฏฐิ นี่กายมนุษย์ทั้งหยาบทั้งละเอียด กายทิพย์ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่โลภตั้งอยู่ในความให้ ไม่โลภ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More