ข้อความต้นฉบับในหน้า
42
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี
หากจะเดินทางโดยรถยนต์ ก็มีถนนจากที่ว่าการอำเภอนครชัยศรี เลียบแม่น้ำมา
จนถึงคลองบางอีแท่น ก็จะพบสะพานปูนเล็กๆ ข้ามคลองบางอีแท่น
สภาพสองข้างคลองบางอีแท่นยังคงเป็นสวนอยู่บ้าง สวนส้มก็มี สวนอื่นๆ ก็มี
ตอนที่หลวงพ่อแล่นเรือผ่านไป ขณะนั้นแถวนี้ก็เป็นสวน แต่คลองคงจะแคบกว่าปัจจุบัน
ซึ่งปัจจุบันมีความกว้างประมาณ ๓๐ เมตร หลวงพ่ออธิบายสภาพ คลองไว้ในบันทึก
ประวัติชีวิตของท่านว่า
“แต่พอเข้าลัดไปเล็กน้อย ก็มาคิดแต่ในใจของตัวว่า คลองก็เล็ก
โจรก็ร้าย ท้ายเรือก็เข้าไล่เลี่ยกับฝั่ง ไม่ต่ำไม่สูงกว่ากันเท่าไรนัก น่า
หวาดเสียวอันตราย.......
เมื่อท่านพ้นลัดคลองบางอีแท่นไปแล้ว จึงได้คิดว่าในชีวิตฆราวาส ที่เกิดมาแสวงหา
ทรัพย์ แล้วก็ไม่ได้อะไร ตายตามๆ กันไปหมด ตัวท่านเองอายุเพียง ๑๙ ปี ตัดสินใจไม่
แสวงหาทรัพย์เหมือนคนรุ่นเก่าๆ ท่านตัดสินใจแสวงหาธรรมโดยการออกบวช
หลวงพ่อบวชห่มผ้าเหลือง เมื่ออายุย่างเข้า ๒๒ ปี แต่ท่านกล่าวว่า บวชจริงมา
เสียแต่อายุ ๑๙ ปีเศษแล้ว เมื่อผ่าน ลัดคลองบางอีแท่นไปนั่นเอง ในครั้งนั้นหลวงพ่อตั้ง
จิตอธิษฐาน ว่า
“ขออย่าให้เราตายเสียก่อน ขอให้บวชเสียก่อนเถิด ถ้าบวชแล้ว จะไม่สึก
ตลอดชีวิต....”
คลองสายนี้ หลายคนก็ผ่าน หลายคนก็พบกับอันตราย แต่มีเพียงคนเดียวที่ได้
คิด จนออกบวช และพบธรรมะที่แท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และนำมาแนะนำ
สั่งสอนให้กับชาวโลก เป็นเพราะบุญบารมีที่ท่านสั่งสมอบรมมานับชาติไม่ถ้วน สอนให้
ท่านได้คิด แม้มีอายุเพียงแค่ ๑๙ ปี ก็ไม่ได้ประมาทมัวเมา ในชีวิตอย่างวัยรุ่นทั่วๆ ไป คิดๆ
ดูแล้วก็ยิ่งทำให้เลื่อมใสในหลวงพ่อมากขึ้นไปอีก