ข้อความต้นฉบับในหน้า
134 ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี
ขาดลมปราณ(ตาย) ก็ไปเกิดในหีนกาย (มีกายอย่างเลว) หมู่สัตว์ชั้นเลว
ส่วนสมณะพราหมณ์ พวกก่อนท่านผู้ปฏิญญาว่าเป็นพระอรหันต
สัมมาสัมพุทธเจ้า สมณะและพราหมณ์พวกนั้น ไม่แนะนำไม่แสดงธรรม
ไม่ทำความยินดีกะพวกสาวกบรรพชิต ครั้นกายแตกขาดลมปราณ ก็ไป
เกิดในปณีตกาย (มีกายที่ประณีต) หมู่สัตว์ชั้นดี ภิกษุ ! เพราะฉะนั้นเรา
จึงบอกกะท่านอย่างนี้
ท่านผู้นิรทุกข์ เชิญท่านเป็นผู้มักน้อย ตามประกอบความอยู่สบาย
ในชาตินี้อยู่เถิด เพราะการไม่บอกเป็นความดี ท่านอย่าสั่งสอนสัตว์
อื่นๆ เลย”
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อมารกล่าวอย่างนี้แล้ว เราจึงกล่าวว่า
“มารผู้ลามก เรารู้จักท่าน ท่านอย่าเข้าใจว่าพระสมณะไม่รู้จักเรา
ท่านเป็นมาร ท่านหามีความอนุเคราะห์ด้วยจิตเกื้อกูลไม่ จึงกล่าวกะเรา
อย่างนี้ ท่านมีความดำริว่าพระสมณโคดมจักแสดงธรรมแก่ชนเหล่าใด
ชนเหล่านั้นจักล่วงวิสัยของเราไป ก็พวกสมณะและพราหมณ์นั้นมิได้เป็น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (แต่)ปฏิญญาว่า เราทั้งหลายเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มารผู้ลามก เราเป็นสัมมาสัมพุทธะ ย่อมปฏิญญาว่าเราเป็นสัมมาสัมพุทธะ
มารผู้ลามก ! ตถาคตแม้เมื่อแสดงธรรมแก่พวกสาวกก็เป็นเช่นนั้น
แม้เมื่อไม่แสดงธรรมแก่พวกสาวกก็เป็นเช่นนั้น ตถาคตแม้เมื่อแนะนำ
พวกสาวกก็เป็นเช่นนั้น แม้เมื่อไม่แนะนำพวกสาวกก็เป็นเช่นนั้น”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงข่มขู่มาร ไม่ปฏิบัติตามคำเชิญชวนของมารแต่อย่าง
ใด และยังทรงสั่งสอนธรรมแก่สรรพสัตว์ทั้งหลายต่อไป
เรื่องราวในพระไตรปิฎกตอนนี้ชี้ชัดให้เห็นอีกว่า มารเป็นสิ่งหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ
เพราะมิได้กล่าวว่าพรหมรูปนั้นเป็นมาร แต่กล่าวว่ามารเข้าสิงอยู่ในพรหมรูปนั้น แต่
ก็ไม่มีรายละเอียดบ่งบอกว่า มารมีรูปร่างลักษณะอย่างไร เหมือนกับที่ไม่มีบันทึกบอกว่า
เทวดา พรหม อรูปพรหมมีรูปร่างอย่างไรเช่นกัน นับว่ารายละเอียดความรู้ในพระไตร
ปิฎกที่ขาดหายไป