ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี 85
นี้แหละหลักปฏิบัติของพระพุทธศาสนา ต้องแน่นอน จับตัว
วางตายอย่างนี้ ไม่เลอะเลือน เหลวไหล”
ในขณะที่หลวงพ่อเทศน์เรื่อง หลักการเจริญสมถวิปัสสนากรรมฐานนี้ เป็นเวลา
ประมาณหลังปี พ.ศ.๒๔๙๓ ในบันทึกเทศนาของหลวงพ่อไม่ได้ระบุวันเวลาที่เทศน์ไว้ จึง
ได้แต่ประมาณเวลาจากเนื้อหาในพระธรรมเทศนา ที่มีการกล่าวถึงพระของขวัญ เพราะ
พระของขวัญรุ่นแรก แจกเมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓
แสดงว่าในขณะที่หลวงพ่อเทศน์เรื่องนี้
เป็นเวลาที่หลวงพ่อได้เผยแผ่เรื่องกาย ๑๘ กายนี้ มาเป็นเวลาได้ประมาณ ๓๐ กว่าปี
การเผยแผ่คำสอนในยุคนั้นเป็นไปได้อย่างเชื่องช้า เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการคมนาคมไม่ได้เจริญก้าวหน้าเหมือนในปัจจุบันนี้ ความเข้าใจของคนทั่วไปที่จะ
เข้าใจหลักปฏิบัติเช่นนี้จึงมีน้อย ถึงแม้ว่าจะเป็นการปัดฝุ่นของเก่าซึ่งเป็นวิธีการปฏิบัติ
ดั้งเดิมที่สูญหายไปแล้ว ก็หาได้มีผู้เข้าใจว่าเป็นของเก่าไม่ กลับมีความเข้าใจว่าเป็นวิธี
ใหม่ที่ไม่มีกล่าวไว้ในคำสอนของพระพุทธศาสนา
อีกทั้งทางการคณะสงฆ์และบ้านเมืองในสมัยนั้น ก็ไม่ค่อยเข้าใจในการสอนของ
หลวงพ่อ การที่หลวงพ่อกล่าวแบบฟันธงว่า
“ต้องเป็นอย่างนี้ ผิดอย่างนี้ไปไม่ได้
ผิดอย่างนี้ไปก็เลอะเหลว ต้องถูกแนวนี้”
“ต้องแน่นอนจับตัววางตายอย่างนี้
ไม่เลอะเลือน เหลวไหล”
และ
จึงเป็นการท้าทายการพิสูจน์ความจริงในการปฏิบัติตามที่หลวงพ่อสอนเป็นอย่างมาก
กับทั้งคงต้องมีกระแสต่อต้านการสอนแบบนี้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามยุคนั้นในปี พ.ศ.นั้น ได้มีผู้ปฏิบัติเข้าถึงกันเป็นจำนวนมาก เล่ากัน
ว่าหลวงพ่อมีสมุดไว้ให้ผู้ที่เข้าถึงมาลงชื่อไว้เป็นสักขีพยานของการเข้าถึงธรรมนับเป็น
จำนวนมาก ที่หลวงพ่อกล่าวไว้ในพระธรรมเทศนาของท่าน เป็นคนใกล้ชิดที่ท่านรู้จักก็
เป็นจำนวนหลักร้อยขึ้นไป หลวงพ่อบอกว่ายังไม่ได้นับให้แน่นอน แต่ถ้าคะเนกันเองทั่ว
ประเทศก็มีจำนวนหลายหมื่นคน