ข้อความต้นฉบับในหน้า
เพียงไร
ด า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี 45
ไปพึ่งใคร เพราะต่างไม่รู้จักกัน แต่ก็มั่นใจว่าธรรมที่พวกเราปฏิบัติตรงต่อ
พระพุทธโอวาท จะประกาศความราบรื่นและรุ่งเรืองให้แก่ผู้มีความประพฤติ
เป็นสัมมาปฏิบัติ ธรรมวินัยเหล่านั้นจะกำจัดอธรรมให้สูญสิ้นไป
พวกเราบวชกันคนละมากๆ ปี ปฏิบัติธรรมเข้าขั้นไหน มีพระ
ปาฏิโมกข์เรียบร้อยอย่างไร ทุกคนทราบความจริงของตนได้
ถ้าเป็นไปตามแนวพระธรรมวินัย ก็น่าสรรเสริญ
ถ้าผิดพระธรรมวินัย ก็น่าเศร้าใจ เพราะตนเองก็ติเตียนตนเองได้
เคยพบมาบ้าง แม้บวชตั้งนานนับเป็นสิบๆ ปี ก็ไม่มีภูมิจะสอนผู้อื่น จะ
เป็นที่พึ่งของศาสนาก็ไม่ได้ ได้แต่อาศัยศาสนาอย่างเดียว ไม่ทำประโยชน์
ให้เกิดแก่ตนและแก่ท่าน ซ้ำร้ายยังทำให้พระศาสนาเศร้าหมองอีกด้วย
บวชอยู่อย่างนี้เหมือนตัวเสฉวน จะได้ประโยชน์อะไรในการบวชในการ
อยู่วัด
ฉันมาอยู่วัดปากน้ำ จะพยายามตั้งใจประพฤติให้เป็นไปตามแนว
พระธรรมวินัย พวกพระเก่าๆ จะร่วมกันก็ได้ หรือจะไม่ร่วมด้วยก็แล้ว
แต่อัธยาศัย ฉันจะไม่รบกวนด้วยอาการใดๆ เพราะถือว่าทุกคนรู้สึกผิด
ชอบด้วยตนเองดีแล้ว
ถ้าไม่ร่วมใจ ก็ขออย่าขัดขวาง ฉันก็จะไม่ขัดขวางผู้ไม่ร่วมมือ
เหมือนกัน ต่างคนต่างอยู่ แต่ต้องช่วยกันรักษาระเบียบของวัด คนจะ
เข้าจะออกต้องบอกให้รู้ ที่แล้วมาไม่เกี่ยวข้อง เพราะยังไม่อยู่ในหน้าที่
จะพยายามรักษาเมื่ออยู่ในหน้าที่...”
เมื่อได้อ่านโอวาทของหลวงพ่อ ก็คงจะพอเข้าใจอัธยาศัยของท่านว่าเป็นคนจริง
เหตุการณ์ภายในวัดปากน้ำ มิได้สงบราบรื่น แต่หลวงพ่อก็ยังมุ่งมั่น ปรับปรุง
ดูแลวัดให้เจริญก้าวหน้า ทั้งด้านความเป็นอยู่ต่างๆ ในวัด และการอบรมสั่งสอนภิกษุ
สามเณร ตลอดถึงคฤหัสถ์ ชาวบ้านทั่วไป ในขณะที่ท่านดูแลวัดปากน้ำ กำลังเจริญ
ก้าวหน้าดี เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้นที่วัดปากน้ำ สมเด็จพระสังฆราช (ปุ่น ปุณณ
สิริมหาเถระ) ได้บันทึกไว้ว่า