ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี 157
เสียผิวไป ไม่ให้หยุดเสีย ให้เขยื้อนไปเสีย ให้ลอกแลกไปเสีย มัวไปดีๆ
ชั่วๆ อยู่ เสียท่าเสียทาง เพราะฉะนั้นต้องมีความเพียร กลั่นกล้า รักษา
ไว้ให้หยุดท่าเดียว นี้ได้ชื่อว่า วิริยสัมโพชฌงค์
ปีติสัมโพชฌงค์ เมื่อใจหยุดละก็ ชอบอกชอบใจ ดีอกดีใจ ร่าเริง
บันเทิงใจ อ้ายนั่นปีติ ปีติที่ใจหยุดนั่น ปีติไม่เคลื่อนจากหยุดเลย หยุด
นิ่งอยู่นั่น นั่นปีติสัมโพชฌงค์
ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ปัสสัทธิ แปลว่า ระงับ หยุดในหยุด
หยุดในหยุดๆ ไม่มีถอยกัน พอหยุดก็เข้ากลางของใจที่หยุดนั่น หยุด
ในหยุดๆ นั่นทีเดียว นั่นปัสสัทธิ ระงับซ้ำเรื่อยลงไป ให้แน่นหนาลงไว้
ไม่คลาดเคลื่อน ปัสสัทธิ
มั่นคงอยู่ที่ใจหยุดนั่น ไม่ได้เป็นสองไป เป็นหนึ่งทีเดียว นั่น
เรียกว่า สมาธิ (สัมโพชฌงค์) ทีเดียว นั่นแหละ
ๆ
พอสมาธิหนักเข้า ๆ หนึ่งเฉย ไม่มีสองต่อไป นี่เรียกว่า อุเบกขา
(สัมโพชฌงค์) เข้าถึงหนึ่งเฉยแล้ว อุเบกขาแล้ว
นี่องค์คุณ ๗ ประการอยู่ทีเดียวนี่ อย่าให้เลอะเลือนไป ถ้าได้ขนาดนี้
ภาวิตา พหุลีกตา
กระทำเป็นขึ้นแค่นี้ กระทำให้มากขึ้น
สํวตฺตนฺติ
ย่อมเป็นไปพร้อม
อภิญฺญาย
เพื่อรู้ยิ่ง
นิพฺพานาย
เพื่อสงบ ระงับ
โพธิยา
เพื่อความตรัสรู้
ด้วยความกล่าวสัตย์อันนี้แหละ ขอความสวัสดี จงมีแก่ท่าน ใน
กาลทุกเมื่อ
ความจริงอันนี้ ถ้ามีจริงอยู่อย่างนี้ละ รักษาเป็นแล้ว รักษาโพชฌงค์
เป็นแล้ว อธิษฐานใช้ได้ ทำอะไรใช้ได้ โรคภัย ไข้เจ็บ แก้ได้ ไม่
ต้องสงสัยละ”