ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี 131
บริเวณต้นอชปาลนิโครธ (หรือต้นไทร) ใกล้กับบริเวณต้นโพธิที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้ มาร
ก็ยังตามมารบกวนอีก ใน มหาปรินิพพานสูตร ทีฆนิกาย มหาวรรค กล่าวไว้ว่า
“ดูก่อนอานนท์ สมัยหนึ่ง เราแรกตรัสรู้พักอยู่ที่ต้นไม้อชปาลนิโครธ
ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ในอุรุเวลาประเทศ ครั้งนั้น มารผู้มีบาปได้เข้าไปหา
เรายืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง มารผู้มีบาปได้กล่าวกะเราว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงปรินิพพาน ขอ
พระสคุตจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด บัดนี้เป็นเวลาปรินิพพานของพระผู้มี
พระภาคเจ้า”
เรียกได้ว่าเมื่อมารหาทางห้ามพระพุทธองค์ให้ตรัสรู้ไม่ได้ พ่ายแพ้เรื่องนี้แล้ว ก็
มาหาเรื่องว่าในเมื่อพระพุทธองค์ตรัสรู้แล้วก็ให้รีบปรินิพพานไปเสียเถอะจะได้ไม่ต้อง
สั่งสอนสัตว์โลก ซึ่งพระพุทธองค์ก็ไม่ทรงยินยอมกระทำตาม
ถึงแม้พระพุทธองค์จะได้ตั้งปณิธานที่จะไม่ปรินิพพาน หากพระศาสนาที่พระองค์
เผยแผ่ “จักยังไม่บริบูรณ์ กว้างขวาง แพร่หลายรู้กันโดยมาก” ก็เมื่อขณะที่พระพุทธ
ศาสนายังแผ่ขยายได้ไม่เต็มประเทศอินเดีย ไม่ต้องกล่าวถึงทั่วโลก พระองค์กลับต้อง
ยอมปลงอายุสังขารและปรินิพพานในที่สุด
เรามาศึกษาดูกันต่อว่ามารได้มากระทำสิ่งใดกับพระพุทธเจ้าอีก ก็ขณะที่พระสัมมา
สัมพุทธเจ้ายังคงประทับอยู่ ณ ต้นอชปาลนิโครธต้นเดิม ในสังยุตตนิกาย มารสังยุต
ตโปกรรมสูตร กล่าวไว้ดังนี้
“สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสรู้ใหม่ๆ ประทับอยู่ที่ต้นไม้ อช
ปาลนิโครธ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชลา ณ ตำบลอุรุเวลา ครั้งนั้นแล
พระผู้มีพระภาค ทรงประทับพักผ่อนอยู่ในที่ลับ ได้เกิดความปริวิตกแห่ง
พระทัยอย่างนี้ว่า
นั้น
“โอ เราเป็นผู้พ้นจากทุกกรกิริยาแล้ว
โอ สาธุ เราเป็นผู้พ้นแล้วจากทุกกรกิริยา อันไม่ประกอบด้วยประโยชน์
โอ สาธุ เราเป็นสัตว์ที่บรรลุโพธิญาณแล้ว ฯ”
ครั้งนั้นแล มารผู้มีบาปได้ทราบความปริวิตกแห่งพระทัยของพระผู้