ข้อความต้นฉบับในหน้า
162
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี
“จะครองเรือนไปสักกี่ร้อยปี ก็ครองไปเถิด มันงานของคนอื่นเขา
ทั้งนั้น เรื่องของพระยามารทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องของตัว”
เรื่องของมารที่คุกคามพระพุทธเจ้า ก็มากระทำตอนที่พระองค์ท่านทิ้งพระราหุล
ตั้งใจจะออกบวชแล้ว ส่วนช่วงที่ใช้ชีวิตแต่งงานครองเรือนและมีลูก ไม่ปรากฏว่ามาร
มาคุกคามพระองค์เลย
หนทางของการชนะมารมีอยู่ ๕๐ ในขณะที่หนทางแพ้มีอยู่อีก ๕๐ เช่นกัน การ
ต่อสู้เอาชนะกับมาร จึงไม่ใช่เรื่องง่าย หากประมาทพลาดพลั้งไปสักชาติหนึ่งหนทางแห่ง
ชัยชนะ ก็ห่างไกลออกไป จึงต้องสร้างบารมีกันยาวนาน นานสักเท่าไรยังไม่ปรากฏ
ดังนั้นแล้ว หลวงพ่อจึงได้กล่าวเตือนถึงการไปให้ถึงที่สุด ที่เอาชนะการคุกคามการเป็น
บ่าวทาสของมารนี้ว่า
ใจต้องแข็งแกร่ง
“ที่จะเข้าถึงวิราคธาตุวิราคธรรมนะ ต้องปล่อยชีวิตจิตใจนะ ไปรัก
ไปห่วงอะไรไม่ได้ ปล่อยกันหมดสิ้นทีเดียว ไปรักไปห่วงใยอยู่ละก็ไปไม่ได้
ไปไม่ถึงทีเดียว เด็ดขาดทีเดียว ต้องทำใจหยุดนั่นแน่ จึงจะไปถูก
วิราคธาตุวิราคธรรมได้ ต้องทำใจหยุด หยุดในหยุด ไม่มีถอยกัน
ไม่มีกลับกันละ นั่นแหละจึงจะไปสุดได้ ถ้าใจอ่อนแอ ไปไม่ได้ดอก ต้อง
ใจแข็งแกร่งทีเดียวจึงไปได้”
(จาก ธรรมนิยามสูตร แสดงเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๗)
มัวชมสวนดอกไม้ไม่ไปที่สุด
“พวกเราทั้งหลายนี้ไม่ได้ไปกันเลย เฉยๆ อยู่ มัวชมสวนดอกไม้
ในโลกอยู่นี่เอง ชมรูปบ้าง เสียงบ้าง กลิ่นบ้าง รสบ้าง ก็อยู่ที่เดียว
นั่นเอง ไม่ได้ไปไหนกับเขาเลย
นี้พวกจะไปก็ภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา จะไปให้สุดวิราค
ธาตุวิราคธรรม
อ้าว...ไปๆ ก็เลี้ยวกลับกันเสียแล้ว ไม่ไปกันจริงๆ ไปชมสวน