ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี
51
หลวงพ่อเกิดในสมัยรัชกาลที่ ๕ ในขณะที่ยังมีทาสอยู่ในแผ่นดินไทย แต่หลวงพ่อ
เป็นอิสระ เกิดมามีชีวิตเป็นไท ไม่ใช่ทาส นี่ก็นับเป็นบุญอย่างหนึ่งของท่าน ทาสนั้นเริ่ม
หมดตอนปลายรัชกาลที่ ๕
ในรัชกาลนี้ บ้านเมืองมีการพัฒนาก้าวหน้ามาก มีการสร้างถนนขนาดใหญ่
เจ้านายบางพระองค์มีรถยนต์ใช้ มีการขุดคลองมากสาย มีการทำประตูน้ำ เพื่อให้เรือ
ผ่านคลองได้สะดวกตลอดปี ในแม่น้ำมีเรือกลไฟ ซึ่งสะดวกรวดเร็วกว่าเรือพาย เรือแจว
มีการพัฒนาด้านการทหาร การแพทย์ การศึกษา
ทางไปศึกษาที่อังกฤษ ฝรั่งเศส พระองค์ท่านเอง ก็เสด็จประพาสยุโรปถึง ๒ ครั้ง ใน
เวลานั้นหลวงพ่อได้รับการศึกษา ตามพื้นฐานความรู้ที่มีสอนกันอยู่ในสมัยนั้น จนมีความ
เข้าใจในภาษาไทยและภาษาขอมเป็นอย่างดี
พระราชโอรสหลายพระองค์เดิน
เมื่อหลวงพ่ออายุ ๑๔ ปี ก็ต้องมาเป็นพ่อค้าข้าวแทนบิดาที่สิ้นชีวิตลง บ้านเมือง
เจริญก้าวหน้า การค้าก็ดี แต่เมื่ออายุ ๑๙ ปี หลวงพ่อกลับตั้งใจจะเลิกอาชีพค้าข้าวแล้ว
จะออกบวช พออายุได้ ๒๒ ปี ก็ได้บวชครองผ้ากาสาวพัสตร์
ในสมัยรัชกาลที่ 5 อยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ไทยได้ส่งทหารเข้าร่วมรบ
กับฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๐ ในขณะที่บ้านเมืองกำลังอยู่ในระหว่าง
สงครามโลก หลวงพ่อได้ไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดโบสถ์บน ต.บางคูเวียง และได้บรรลุธรรม
ในขณะที่สงครามโลกครั้งที่ ๑ ยังไม่สิ้นสุด
୭
ในช่วงกลางของรัชกาลที่ 5 หลวงพ่อได้มาเป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
ในรัชกาลที่ ๗ ปี พ.ศ. ๒๔๗๔ หลวงพ่อเริ่มรวมทีมทำวิชชา โดยการปฏิบัติธรรม
ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ในสถานที่ที่ท่านเรียกว่า “โรงงานทำวิชชา”
๑ ปี ถัดมา คือ พ.ศ.๒๔๗๕ บ้านเมืองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งใหญ่
คือ การเปลี่ยนการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นระบอบประชาธิปไตย
หลวงพ่อยังคงอยู่ที่วัดปากน้ำ ปฏิบัติธรรมของท่านเรื่อยมา
ลุถึงปี พ.ศ.๒๔๗๗ รัชกาลที่ ๗ ก็ทรงสละราชสมบัติ อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และพระองค์ได้เสด็จไปยังต่างประเทศ จนกระทั่ง
สวรรคตนอกผืนแผ่นดินไทย ในปีนี้เอง รัชกาลที่ ๔ ก็เสด็จขึ้นครองราชย์