ข้อความต้นฉบับในหน้า
132 ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี
มีพระภาคด้วยจิต จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ แล้วได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยคาถาว่า
“มาณพทั้งหลายย่อมบริสุทธิ์ได้ด้วยการบำเพ็ญตบะใด ท่านหลีก
จากตบะนั้นเสียแล้ว เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ มาสำคัญตนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
ท่านพลาดจากมรรคาแห่งความบริสุทธิ์เสียแล้ว ฯ”
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่านี่มารผู้มีบาป จึงได้ตรัสกะ
มารผู้มีบาป ด้วยพระคาถาว่า
“เรารู้แล้วว่า ตบะอื่นๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ตบะทั้งหมดหาอำนวยประโยชน์ให้ไม่ ดุจไม้แจวหรือไม้ถ่อ ไม่อำนวย
ประโยชน์บนบก ฉะนั้น เราจึงเจริญมรรค คือ ศีล สมาธิ และปัญญา
เพื่อความตรัสรู้ เป็นผู้บรรลุความบริสุทธิ์อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ดูกร มาร
ผู้กระทำซึ่งที่สุด ตัวท่านเป็นผู้ที่เรากำจัดเสียได้แล้ว”
"
ครั้งนั้น มารผู้มีบาปเป็นทุกข์เสียใจว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
รู้จักเรา พระสุคตทรงรู้จักเรา ดังนี้ จึงได้อันตรธานไปในที่นั้นเอง ฯ
ก็ในเมื่อพระพุทธองค์กำลังรำลึกถึงความสำเร็จที่พระองค์สร้างบารมีมาจนกระทั่ง
ได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยชอบ มารก็ไม่
รับรองการตรัสรู้ของพระองค์เสียอีก มากล่าวหาว่าตรัสรู้ไม่จริงหรอกเป็นของปลอม เข้า
ทำนองอย่าหลอกตัวเองไปเลย ไม่ได้ตรัสรู้หรอก มาพูดจายั่วยุให้ไขว้เขวไปอย่างนั้น
มิใช่มีเพียงเท่านี้ ในขณะที่พระองค์ยังประทับอยู่ ณ ต้นไทรต้นเดิม มารก็มา
รบกวนอีกแล้ว ในสังยุตตนิกาย มารสังยุต นาคสูตร กล่าวไว้ดังนี้
“สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสรู้แล้วใหม่ๆ ประทับอยู่ที่ต้นไม้
อชปาลนิโครธ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ณ อุรุเวลาประเทศ ก็โดยสมัย
นั้นแล พระผู้มีพระภาคประทับนั่งในที่กลางแจ้ง ในราตรีอันมืดทึบ และ
ฝนกำลังตกประปรายอยู่ ฯ
ครั้งนั้นแล มารผู้บาปใคร่จะให้เกิดความกลัว ความครั่นคร้าม ขน
ลุกขนพองแด่พระผู้มีพระภาค จึงเนรมิตเพศเป็นพระยาช้างใหญ่ เข้าไป
ใกล้พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ พระยาช้างนั้นมีศีรษะเหมือนกับก้อนหิน