ข้อความต้นฉบับในหน้า
152 ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี
ธาตุสายธรรมของตัวไม่ได้ละก็ เลี้ยงเอาตัวรอดไม่ได้”
(จาก พุทธอุทานคาถา แสดงเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๗)
จากพระธรรมเทศนาที่ยกมากล่าวอ้างถึงข้างต้นนี้ ทำให้เราได้ทราบว่าหลวงพ่อ
วัดปากน้ำ เรียกเป้าหมายปลายทางที่ท่านมีความปรารถนาจะไปให้ถึงนั้นว่า “ที่สุด” บ้าง
“สุดวิราคธาตุวิราคธรรม” บ้าง “สุดกายของตัวเอง” บ้าง “สุดสายธาตุสายธรรม
ของตัวเอง” บ้าง โดยเมื่อไปถึงที่สุดแล้ว หลวงพ่อบอกไว้ชัดว่าจะมีลักษณะดังนี้
๑. “พระยามารแพ้เด็ดขาดเมื่อเวลาไร เวลานั้นหมดทุกข์ในโลก เท่าปลายผม
ปลายขน ก็ไม่มี”
๒. “พระยามารแพ้เด็ดขาดเมื่อเวลาไร......หมดแก่หมดเจ็บหมดตายในโลก เท่า
ปลายผมปลายขน ก็ไม่มี”
ทีเดียว”
“ถ้าสุดเวลาไร ถึงที่สุดของการรักษาแล้วละก็ มนุษย์ เลิกแก่ เลิกเจ็บ เลิกตาย
๓. “ถ้าว่าสุดแล้วก็รู้ดอก ไม่ต้องสงสัยละ รู้กันหมดทั้งสากลโลก”
๔. “ถ้าสุดเข้าแล้วก็ รบราฆ่าฟัน เลิกกันหมด”
พอจะได้เค้าโครงลักษณะเบื้องต้น ๔ อย่าง คือ ๑. หมดทุกข์ ๒. ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่
ตาย ๓. รู้กันหมด ทั้งสากลโลก ๔. เลิกรบราฆ่าฟันกัน
ลักษณะ ๔ ประการนี้ยังไม่เห็นจะมีข่าวคราวบังเกิดขึ้นในโลกเลย ทั้งนี้เพราะ
เหตุใด หลวงพ่อบอกไว้ชัดแจ้งว่า
“ที่สุดอยู่ที่ไหนละ ผู้เทศน์ยังเรียนวิชชาไปไม่ถึง”
หลวงพ่อไม่ได้อวดตัวว่าเป็นพระอรหันต์ หรือพระพุทธเจ้า แต่ท่านเป็นเพียงนัก
สร้างบารมีคนหนึ่ง ที่จะเอาชนะ “มาร” ให้ได้เท่านั้นเอง ซึ่งท่านก็ยังไปไม่ถึงจุดนั้น
แล้วอีกนานสักเท่าไรจึงจะไปถึง หลวงพ่อบอกว่า “แต่มันจะอีกกี่ปีไม่รู้แน่นะ”
ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานสักเท่าใด แต่รู้ว่าเส้นทางสายกลางที่เดินอยู่นี้ถูกต้อง
และถึงเป้าหมายที่เอาชนะมาร หลุดพ้นจากการบังคับของมารโดยสิ้นเชิงได้อย่างแน่นอน