ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี 65
ก้าว หน้าหมั่นเป็นนิตย์ มีผลเจริญไปหน้า ไม่มีถอยหลังเลย ดังนั้น
เรียกว่า คนฉลาด นั่นเรียกว่าฉลาดจริงๆ ละ ไม่เผลอจริงๆ นะ การไม่
เผลอเช่นนั้นแหละ จะเข้าถึงดวงธรรมเป็นลำดับไป”
(จากพระธรรมเทศนา เรื่อง มงคลสูตร)
๗. หยุดได้ หายเศร้าหมองขุ่นมัว
“ใจหยุดเสียแล้ว วิรช์ ปราศจากความขุ่นมัว วิรช์ ปราศจากธุลี
เศร้าหมองก็ไม่มีแก่ใจ เพราะใจหยุดเสียแล้ว ไม่เศร้าหมองขุ่นมัวแต่
อย่างหนึ่งอย่างใดเลยทีเดียว ไม่เศร้าหมอง ไม่ขุ่นมัวเลย เพราะใจหยุด
เสียแล้ว
ถ้าใจไม่หยุดเสียแล้ว โลกธรรมกระทบก็ไม่ได้ เศร้าหมองบ้าง
ขุ่นมัวบ้าง ด้วยประการต่างๆ เหตุนี้ต้องคอยระวังตัวทีเดียว ระวังตัว
อย่าให้เศร้าหมองขุ่นมัวได้ ถ้าเศร้าหมองขุ่นมัวได้ เพราะตัวโง่ ไม่ทันกับ
ดวงจิต โง่กว่าดวงจิต ไม่ทำจิตให้หยุดเสีย ทำจิตปล่อยไปตามอารมณ์
ไปกับอารมณ์ เมื่อเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ติเตียน ทุกข์ เข้าไประดมได้เช่นนี้
ก็ทำจิตให้เศร้าหมองขุ่นมัว ไม่ผ่องใส เมื่อจิตไม่ผ่องใส นั่นลงโทษตัวเอง
ไม่ใช่ลงโทษใคร ลงโทษตัวเอง”
๔. หยุดได้ เงินไหลมา
(จากพระธรรมเทศนา เรื่อง มงคลสูตร)
“ถ้าจิตหยุดเช่นนั้นเสียแล้วละก็ เงินนะไม่ต้องหายากหาลำบากแต่
อย่างไรหรอก ถ้าจิตผ่องใสขนาดนั้นแล้ว ไม่ต้องทำงานอะไรมากมาย
หรอก มันไหลเข้ามาเองนะ เงินน่ะไม่เดือดร้อน มีแต่เงินเข้า เงินออกไม่
มีนะ ออกก็เล็กๆ น้อยๆ เข้ามามาก ผ่องใสอย่างนั้นละก็ นั่นตัวนั้น
เป็นตัวสำคัญทีเดียว
อย่า
ถ้าว่าผู้ครองเรือนต้องการให้มั่งมีเงินทองข้าวของมาก
กระทบกระเทือนใจกัน ทำใจให้ใสอยู่ท่าเดียวแหละ ใจเป็นแดนเกษมอยู่