ข้อความต้นฉบับในหน้า
158 ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ มุ นี
นั่นเป็นวิธีการรักษาโรค การต่อสู้กับความเจ็บที่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกว่า
ต้องทำด้วยโพชฌงค์ ๗
ที่หลวงพ่อวัดปากน้ำได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนแล้ว คือการ
ทำใจให้ “หยุด” นั่นเอง เป็นการเอาชนะมารในเรื่องความเจ็บได้ขั้นหนึ่ง ซึ่งพระสัมมา
สัมพุทธเจ้า ก็ได้กล่าวยืนยันไว้ใน มารสูตร (สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค) ถึง
การเอาชนะมารด้วยโพชฌงค์ ๗ ไว้ดังนี้
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงมรรคาเป็นเครื่องย่ำยีมารและเสนา
มารแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟังมรรคานั้น
ก็มรรคาเป็นเครื่องย่ำยีมาร และเสนามารเป็นไฉน
คือ โพชฌงค์ ๗ โพชฌงค์ ๗ เป็นไฉน
คือ สติสัมโพชฌงค์ ฯลฯ อุเบกขาสัมโพชฌงค์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมรรคาเครื่องย่ำยีมาร และเสนามาร
เรื่องการต่อสู้กับความแก่และความตาย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงต่อสู้เหมือน
กัน พระองค์ไม่ต้องการปรินิพพานแต่เพราะพระองค์ไม่สามารถจะต่อสู้กับอิทธิพลของ
มารได้ จึงต้องตัดสินพระทัยปลงอายุสังขาร เมื่อพระชนมายุได้ ๘๐ ปี ทั้งที่ขณะนั้น
อายุขัยของคนในโลกโดยเฉลี่ยจะมีอายุได้ ๑๐๐ ปี แต่บารมีอย่างพระองค์ที่สร้างมามาก
ขนาดนั้นกลับต้องปรินิพพานในขณะพระชนมายุได้เพียง ๔๐ ปี เท่านั้น เรื่องราวก่อนที่
พระองค์จะปรินิพพานยืนยันชัดเจนถึงการต่อสู้ของพระองค์ที่ไม่ต้องการจะปรินิพพานใน
ตอนนั้น พระพุทธองค์ท่านได้ต่อสู้อย่างไรบ้าง ใน มหาปรินิพพานสูตร (สุตตันตปิฎก
ทีฆนิกาย มหาวรรค) กล่าวไว้ดังนี้
“ดูก่อนอานนท์ ผู้หนึ่งผู้ใดเจริญอิทธิบาท ๔ ทำให้มาก ทำให้เป็น
ประหนึ่งยาน ทำให้เป็นประหนึ่งวัตถุที่ตั้ง ตั้งไว้เนืองๆ อบรมไว้ ปรารภ
ด้วยดี โดยชอบ
กว่ากัป
ดูก่อนอานนท์ ผู้นั้นเมื่อปรารถนา ก็จึงดำรงอยู่ได้ตลอดกัป เกิน
ดูก่อนอานนท์ ตถาคตแลได้เจริญอิทธิบาท ๔ แล้ว ได้ทำให้มาก
แล้ว ได้ทำให้เป็นประหนึ่งยานแล้ว ได้ทำให้เป็นประหนึ่งวัตถุที่ตั้งแล้ว
ตั้งไว้เนืองๆ แล้ว อบรมแล้ว ปรารภด้วยดี โดยชอบแล้ว