ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี 71
เราคงหยุดประวัติของพระผู้ทรงเป็นนาถะของโลกไว้เพียงเท่านี้ก่อน คงค้างเพียง
ความสงสัยว่า การฝึกใจไปตามเส้นทางสายกลาง หรือมัชฌิมาปฏิปทานั้น พระองค์ท่าน
ทรงทำอย่างไร ?
เรากลับมาศึกษาประวัติชีวิตของบุคคล ผู้ดำเนินรอยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ผู้มีนามว่า พระมงคลเทพมุนี หรือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กันบ้าง
หลวงพ่อเกิดในตระกูลพ่อค้า ได้ตั้งใจอธิษฐานจะออกบวชตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี และ
ได้อุปสมบทครองผ้ากาสาวพัสตร์ เมื่ออายุย่างเข้า ๒๒ ปี หลังจากบวชแล้วก็เรียน
ปฏิบัติกับพระอาจารย์ตามสำนักต่างๆ จนเป็นที่รับรองของอาจารย์ว่าร่ำเรียนได้เท่า
อาจารย์แล้ว แต่ท่านยังไม่พอใจในความรู้ที่มีอยู่
จนกระทั่งในกลางพรรษาที่ ๑๒ ของการบวช ตรงกับวันเพ็ญ เดือน ๑๐ ปี พ.ศ.
๒๔๖๐ ในโบสถ์ วัดโบสถ์(บน) ต.บางคูเวียง จ.นนทบุรี หลวงพ่อได้บรรลุธรรม
วันนั้นเวลาเช้า หลังจากที่ท่านฉันเช้าแล้ว ก็ได้ปรารภความเพียร ด้วยการนั่ง
สมาธิ ในหนังสือ “เดินไปสู่ความสุข” ของ มูลนิธิธรรมกาย ได้บรรยายเหตุการณ์ในวัน
นี้ว่า
“ขณะนั้นประมาณเวลา ๒ โมงเช้าเศษๆ ภิกษุสดเริ่มทำความ
เพียรทางใจ หลับตาภาวนา “สัมมาอะระหัง” เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
เพิ่มความเป็นเหน็บและปวดเมื่อยขึ้นมาทีละน้อยๆ ถี่ขึ้นหนักเข้า จนมี
ความรู้สึกว่ากระดูกทุกชิ้นส่วน เริ่มเขม็งเกลียว ลั่นกรอบ แทบจะระเบิด
หลุดออกมาเป็นชิ้นๆ เพราะความเมื่อย ความกระวนกระวายใจเริ่ม
ตามมา
“เอ.....แต่ก่อนเราไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลย พอตั้งสัจจะลงไปว่า ถ้า
กลองเพลไม่ดัง จะไม่ลุกจากที่ เหตุใดมันจึงเพิ่มความกระวนกระวายใจ
มากมายอย่างนี้ ผิดกว่าครั้งก่อนๆ ที่นั่งภาวนา เมื่อไรหนอ...กลองเพล
จึงจะดังสักที”
คิดไปจิตก็ยิ่งแกว่งซัดส่ายหนักเข้า เกือบจะเลิกนั่งก็หลายครั้ง แต่
เมื่อได้ตั้งสัจจะลงไปแล้ว จะแพ้ไม่ได้ เมื่อกายไม่สงบ จิตใจจะไปสงบ