ข้อความต้นฉบับในหน้า
136 ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี
เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว ยังบอกแสดง บัญญัติ แต่งตั้ง จำแนก
กระทำให้ง่ายไม่ได้ ยังแสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ข่มขี่ ปรับปวาทที่บังเกิด
ขึ้นให้เรียบร้อย โดยสหธรรมไม่ได้เพียงใด เราจักยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บัดนี้ ภิกษุผู้เป็นสาวกของพระผู้มีพระภาค
เป็นผู้เฉียบแหลมแล้ว ได้รับแนะนำแล้ว แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธ
รรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบ ประพฤติตามธรรม
เรียนกับอาจารย์ของตนแล้ว บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย
กระทำให้ง่าย ได้แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ข่มขี่ ปรับปวาทที่
บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อยโดยสหธรรมได้
จำแนก
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพาน ในบัดนี้
เถิด ขอพระสุคตจงปรินิพพานใน บัดนี้เถิด บัดนี้เป็น เวลาปรินิพพาน
ของพระผู้มีพระภาค
ก็พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระวาจานี้ไว้ว่า
“ดูกรมารผู้มีบาป ภิกษุณีผู้สาวิกาของเราจักยังไม่เฉียบแหลม.......
...(ข้อความต่อไปเหมือนกับของภิกษุ.................ยังไม่ปรินิพพานเพียงนั้น”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็บัดนี้ ภิกษุณีผู้สาวิกาของพระผู้มีพระ
ภาคเป็นผู้เฉียบแหลมแล้ว..........แสดงธรรมมีปาฏิหาริย์ ข่มขี่ ปรับป
วาทที่บังเกิดขึ้นให้เรียบร้อย โดยสหธรรมได้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพาน ในบัดนี้
เถิด ขอพระสุคตจงปรินิพพานในบัดนี้เถิด บัดนี้เป็นเวลาปรินิพพาน
ของพระผู้มีพระภาค
เรื่องเป็นไปในทำนองเดียวกัน คือ พระผู้มีพระภาคเจ้ากล่าวถึงอุบาสก และอุบาสิกา
แบบเดียวกับที่กล่าวถึงภิกษุ และภิกษุณี ว่ายังเป็นผู้ที่ยังไม่เฉียบแหลม ไม่แกล้วกล้า ฯลฯ
แต่มารก็ยังกล่าวทักท้วง ให้พระองค์ตัดสินใจปรินิพพานในบัดนี้ให้ได้ เหมือนเป็นการ
มาทวงสัญญาว่า ถึงเวลาแล้วนะที่พระองค์ท่านจะต้องปรินิพพาน จะมาขัดขืนต่อรอง
ไม่ได้
ทั้งๆ ที่ในขณะนั้นมีบุคคลเข้าถึงธรรมตามที่พระองค์ท่านสั่งสอนเพียงหยิบมือ