ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี 163
ดอกไม้กันอีกแล้ว ไปเพลิดเพลินในบ้านในเรือนกันอีกแล้ว
อ้าวไปๆ ก็จะไปอีกแล้ว ไปๆ ก็กลับเสียอีกแล้ว พวกเรานี้แหละ
กลับกลอกๆ อยู่อย่างนี้แหละ จะเอาตัวไม่รอด ชีวิตไม่พอ”
รีบเอาชนะให้ได้
(จาก ธรรมนิยามสูตร แสดงเมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๗)
“เมื่อปรากฏรู้ตัวว่าเป็นทาสพระยามารอยู่เช่นนี้ ก็ต้องช่วยรีบเปลื้อง
ตัว ต้องรีบพยายามแก้ตัว ถ้ารีบพยายามแก้ตัวให้พ้นไปเสียได้ ก็จะ
ไม่ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย เอาชนะเสียให้ได้”
(จาก ปัพพโตปมคาถา แสดงเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ.๒๔๙๗)
หนทางชนะนั้นมีอยู่ แต่ถ้าไม่สู้ก็ต้องแพ้อยู่ร่ำไป ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย
อย่างหลีกไม่พ้น แต่ถ้าสู้ หนทางชนะก็มองเห็นอยู่รำไร
เป้าหมายแห่งชัยชนะที่หลวงพ่อวัดปากน้ำปรารถนาจะไปให้ถึงนั้น เป็นวิสัยของ
ผู้ที่มีน้ำใจอันอาจหาญ เด็ดเดี่ยว ทิ้งทุกสิ่งแล้วมุ่งแสวงหาไปสู่จุดแห่งชัยชนะ จึงจะ
กระทำความสำเร็จได้ วิสัยเช่นนี้ไม่ใช่วิสัยของผู้ที่ยังครองเรือนอยู่จะพึงกระทำ หากแต่
อยู่ในวิสัยของผู้ที่ละทิ้งบ้านเรือนมุ่งไปสู่ความบริสุทธิ์ ที่จะปลดปล่อยตนเอง และมวล
มนุษยชาติให้หลุดพ้นจากการเป็นบ่าวทาสของพระยามาร
หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านทิ้งชีวิตฆราวาส ที่อาศัยอยู่ในบ้านเรือน ออกบวชเป็น
พระภิกษุ เพื่อแสวงหา “ที่สุด” ชีวิตนักบวชอย่างท่าน เป็นตัวอย่างชีวิตที่ไม่กลับกลอก
ไม่ใช่ “ไปๆ ก็กลับเสียอีกแล้ว” สึกออกไปแล้ว ชีวิตท่านมีเป้าหมาย อยู่อย่างมี
เป้าหมาย แม้สิ้นชีวิตในชาตินี้แล้ว เป้าหมายของท่านก็ยังคงอยู่
หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านเป็นคนธรรมดา รูปร่างหน้าตาก็เหมือนคนธรรมดา แต่
ท่านไม่ธรรมดา เพราะท่านมีความปรารถนาที่คนธรรมดาไม่เคยคิด
บุคคลที่มีความปรารถนาไม่ธรรมดาเช่นนี้ จากคนกี่ล้านล้านล้านล้านคนจะหาได้
ผ่านการเกิดและตายกี่ล้านล้านล้านล้านหน จึงจะมีโอกาสได้พบ และเมื่อเป็นบุญลาภ
ที่สั่งสมมาด้วยดี ทำให้ได้มีโอกาสประสบพบท่าน แม้จะเกิดไม่ทัน แต่ก็ยังได้พบคำสอนที่