ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี 167
คำสอนของหลวงพ่อวัดปากน้ำแล้ว ก็จะรู้ว่าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เลย
การสู้รบกับมารมิได้กระทำด้วยโทสะที่มีความดันทุรังที่จะเอาชนะให้ได้ วิธีการมี
เพียงวิธีเดียว คือ การกลับเข้าไปสู่ความบริสุทธิ์ของตนเอง
การต่อสู้เป็นการทำที่ไม่
ประกอบด้วยความทุกข์ยากลำบาก เหมือนการเข้าสู่สมรภูมิในทางโลก ทุกย่างก้าวของ
การต่อสู้กลับมีความสุข มีความง่าย มีความสบายไปตลอดเส้นทาง เป็นการต่อสู้
ที่เรียกเอาความสุข ความบริสุทธิ์ กลับคืนมาให้สู่ตัวเองและมวลมนุษยชาติ
ตลอดระยะเวลาเกือบ ๓๐ ปี ขณะที่หลวงพ่อมีชีวิตอยู่ ท่านใช้ชีวิตร่วมกับผู้ที่ได้
เข้าถึงธรรมกายอยู่แต่ในวัดปากน้ำ ไม่ยอมไปแรมราตรี ณ ที่ใด บุคคลที่อยู่ในที่แห่ง
เดียว นั่งและนั่ง นิ่งและนิ่ง ดูสภาพภายนอกเหมือนชีวิตที่ถูกกักขังให้อยู่ในอิริยาบถเดียว
อยู่ในสถานที่แห่งเดียวเป็นเวลานานๆ แต่บุคคลที่ได้ใช้ชีวิตอย่างนี้กลับเป็นผู้มีความสุข
พอใจที่จะได้อยู่ในสภาวะเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีหนทางการใช้ชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่เพราะการ
ใช้ชีวิตอย่างนี้ดีกว่าหนทางการดำเนินชีวิตอย่างอื่น
พวกหนึ่งอยู่นอกโรงงานทำวิชชา ทำงานสนับสนุนอยู่ภายนอก อีกพวกหนึ่งอยู่ใน
โรงงานทำวิชชา ปฏิบัติงานทางจิต หลวงพ่อได้กล่าวถึงพวกที่อยู่ในโรงงานทำวิชชาที่
มีความสามารถในการทำวิชชาเป็นแล้วว่า
“พวกที่เป็นแล้ว ตั้งใจแน่วแน่ว่า ตั้งแต่วันนี้ไปเราไม่ถอยหละ เกิด
มาเราไม่(เคย)พบวิชชา (อย่างนี้ เราจะต้องสู้ อย่างอื่นสู้ไม่ได้ทั้งนั้น
เราจะหันสู้(ด้วย)วิชชานี้กันสุดฤทธิ์สุดเดช เอาให้ถึงหมดเจ็บ หมดแก่
หมดตายของพระยามารให้ได้ ให้พระยามารแพ้ให้ได้”
(จาก พระธรรมเทศนา เรื่อง ปัพพโตปมคาถา วันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ )
เหมือนดั่งเป็นกองทัพที่มีนักรบ และมีผู้บัญชาการรบ หลวงพ่อรวมทีม รวมทัพ
เพื่อการทำวิธีการพิเศษที่ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ ณ ที่แห่งใด
บุคคลผู้เข้าถึงธรรมกาย ผู้มีมโนปณิธานร่วมกันในการทำงานให้มารหมดสิ้นไป
ได้มารวมกันทำงานอยู่ในสมรภูมิที่ดูจากภายนอกเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ไร้การติด
ต่อจากบุคคลภายนอก ยังสังขารอัตภาพร่างกายให้เป็นไปด้วยอาหารที่ส่งมาให้เท่านั้น
ในสมรภูมิที่พร้อมรบ ๒๔ ชั่วโมง ไม่มีการพักรบ มีแต่การผลัดเปลี่ยนเวรกัน