ข้อความต้นฉบับในหน้า
128 ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ มุนี
ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้เห็นมารผู้ลามก
แล้ว ครั้นแล้วจึงเรียกว่า
เข้าไปในท้องในไส้
ท่านอย่า
“ดูกร มารผู้ลามก ท่านจงออกมา ท่านจงออกมา
เบียดเบียนพระตถาคต และสาวกของพระตถาคตเลย วิเหสกกรรมนั้น
อย่าได้มีเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์แก่ท่านตลอดกาลนานฯ”
ลำดับนั้น มารมีความดำริว่า “สมณะนี้ไม่รู้และไม่เห็นเรา ฯลฯ แม้
สมณะที่เป็นศาสดายังไม่พึงรู้จักเรา ได้เร็วไว ก็สมณะที่เป็นสาวกไฉนจัก
รู้จักเราได้ฯ”
ในขณะนั้น ท่านพระโมคคัลลานะได้บอกว่า “ดูกรมาร ผู้ลามกเรา
รู้จักท่านฯ ท่านอย่าเข้าใจว่า สมณะนี้ไม่รู้จักเราฯ ดูกรมารผู้ลามก ท่าน
จงออกมา ฯลฯ
ลำดับนั้น มารมีความดำริว่า “สมณะนี้รู้จักเราและเห็นเราฯ” แล้ว
จึงออกจากปากท่านพระมหาโมคคัลลานะ แล้วยืนอยู่ข้างบานประตูฯ
ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้เห็นมารผู้ลามกยืนอยู่ที่ข้าง บานประตู
ครั้นแล้วจึงกล่าวว่า “ดูกรมาร ผู้ลามก เราเห็นท่านแม้ที่ข้างบานประตู
นั้น ท่านอย่าเข้าใจว่าสมณะนี้ไม่เห็นเรา ท่านนั้นยืนอยู่ข้างบานประตู
ฯลฯ
"
หลังจากนั้น พระมหาโมคคัลลานะได้กล่าวกับมารอีกมากมาย จนในที่สุดแห่ง
สูตรนี้ได้กล่าวว่า
“ลำดับนั้น มารนั้นมีความเสียใจ ได้หายไปในที่นั้น ฉะนี้แล
๓
ในพระไตรปิฎกไม่ได้กล่าวว่ามาร คือสัตว์นรกมารังควาน ไม่ได้กล่าวว่ามาร คือ
อสุรกาย ไม่ได้กล่าวว่ามาร คือเปรต หรือคือเทวดา หรืออะไรๆ ที่มีอยู่ในภพทั้ง
แต่เรียกสิ่งนี้ที่มีลักษณะพิเศษต่างหากแตกต่างจากทุกสิ่งว่าคือ “มาร” และบ่งบอกชัดว่า
“มาร” เป็นสิ่งที่มีอำนาจมากสามารถข่มขู่ทำร้ายพระอรหันต์ที่หมดกิเลสแล้ว และมี
ฤทธิ์มากอย่างพระมหาโมคคัลลานะได้ เป็นที่น่าแปลกว่าการบรรลุอรหัตผลทำไมยัง
ไม่สามารถพ้นจากการคุกคามของมารได้เลย