ข้อความต้นฉบับในหน้า
ต า ม ร อ ย พ ร ะ ม ง ค ล เ ท พ ม นี
คนยากจน มันก็เหนี่ยวรั้งคนยากคนจนไปรวมกัน
นักเลงสุรามันก็เหนี่ยวรั้งนักเลงสุราไปรวมกัน
นักเลงฝิ่นมันก็เหนี่ยวรั้งนักเลงฝิ่นไปรวมกัน
ภิกษุก็เหนี่ยวพวกภิกษุไปรวมกัน
สามเณรก็เหนี่ยวพวกสามเณรไปรวมกัน
อุบาสกก็เหนี่ยวพวกอุบาสกไปรวมกัน
119
อุบาสิกาก็เหนี่ยวพวกอุบาสิกาไปรวมกัน มีคล้ายๆ กันอย่างนี้
แต่ที่จริงที่แท้เป็นอายตนะสำคัญ อายตนะดึงดูด เช่น โลกายตนะ
อายตนะของโลกในกามภพ อายตนะของกามมันดึงดูดให้ข้องอยู่ในกามคือ
กามภพ
รูปภพ อายตนะรูปพรหมดึงดูด เพราะอยู่ในปกครองของรูปฌาน
อายตนะดึงดูดให้รวมกัน
อรูปภพ อายตนะของอรูปพรหม อรูปฌานดึงดูดเข้ารวมกัน
อตฺถิ ภิกฺขเว สฬายตน์ นิพพานเป็นอายตนะ อันหนึ่ง เมื่อหมด
กิเลสแล้ว นิพพานก็ดึงดูดไป นิพพานเท่านั้น ให้รู้จักหลักจริง อันนี้ก็เอา
ตัวรอดได้”
อีกตอนหนึ่งหลวงพ่อได้กล่าวไว้ในพระธรรมเทศนา เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.
๒๔๙๗ ว่า
(ถาม) นิพพานอยู่อย่างไรกัน อยู่ที่ไหน เขาว่านิพพานอยู่ในใจ
(ตอบ) คำว่า นิพพาน นะ
นิกชนต์ นิพพาน ใจของเราออกจากกิเลสเครื่องร้อยได้ เป็นตัว
นิพพาน นี่นิพพานไม่อยู่กับใจเสียแล้ว ใจออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัดไป
(ถาม) ตัวใจที่ออกจากกิเลสเครื่องร้อยรัดนั่นหรือตัวนิพพาน กิเลส
เข้าไปเย็บร้อยอยู่นั่น หลุดออกเสียจากกิเลส ขาดออกไปเสียจากกิเลส
นั่นหรือเป็นตัวนิพพาน