ข้อความต้นฉบับในหน้า
4. โทมนัสสะ ความน้อยใจ คับแค้นใจ
5. อุปายาสะ ความท้อแท้กลุ้มใจ ความอาลัยอาวรณ์
6. อัปปิเยหิ สัมปโยคะ ความขัดข้องหมองมัว ตรอมใจ จากการประสบสิ่งไม่เป็นที่รัก
7. ปิเยหิ วิปปโยคะ ความโศกเมื่อพลัดพรากจากของรัก
8. ยัมปิจฉัง น ลภติ ความหม่นหมองจากการปรารถนาสิ่งใดแล้ว ไม่ได้สิ่งนั้น
นักศึกษาจะเห็นได้ว่า ชีวิตทุกชีวิตเกิดขึ้นดำรงอยู่บนความทุกข์ แล่นไปบนกองทุกข์ เหมือนรถแล่น
ไปบนถนน ถนนเปรียบเหมือนความทุกข์ ชีวิตเปรียบเหมือนรถ ล้อรถคือชีวิต หมุนไปบนถนนคือความทุกข์
ในขณะที่หมุนแล่นไป ล้อก็สึกกร่อนไปทุกขณะ น้ำมันก็สิ้นไปทีละน้อย เครื่องก็ทรุดโทรมลง ในที่สุดก็ต้อง
สลายไป
ถนนแห่งชีวิตถูกโรยไว้ด้วยหนาม คือ ความทุกข์ ในยามที่คนเดินไปบนถนน เท้าของเขาย่อม
ถูกหนามเสียบแทงทุกๆ ครั้งที่ย่างเท้าลงไป จะรู้สึกสบายก็เฉพาะช่วงที่ยกเท้าขึ้นเพื่อจะก้าวลงไปบนหนาม
อีกต่อไป แม้หากจะหยุดยืนก็ต้องอยู่บนหนามอีกเช่นกัน
กัมมัฏฐานย่อมทำให้หลุดพ้นจากทุกข์เหล่านี้ได้ เพราะผู้ที่ปฏิบัติกัมมัฏฐานย่อมมีสติ มีปัญญา
และรู้เท่าทันเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทุกข์หรือเป็นสุขที่เกิดขึ้น ย่อมมองโลกและทุกสิ่งตาม
ความเป็นจริง สามารถควบคุมใจของตนเองได้ในยามที่จะต้องประสบทุกข์ดังกล่าว ดังที่พระพุทธองค์
ตรัสไว้ว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเจริญสมาธิ ภิกษุมีจิตตั้งมั่นแล้ว ย่อม
รู้ชัดตามเป็นจริง ก็ภิกษุย่อม รู้ชัดตามเป็นจริงอย่างไร ย่อมรู้ชัดซึ่งความเกิด
และความดับแห่งรูป ความเกิดและความดับแห่งเวทนา ความเกิดและความ
ดับแห่งสัญญา ความเกิดและความดับแห่งสังขาร ความเกิดและความดับแห่ง
วิญญาณ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็อะไรเป็นความเกิดแห่งรูปอะไรเป็นความเกิดแห่งเวทนา
อะไรเป็นความเกิดแห่งสัญญา อะไรเป็นความเกิดแห่งสังขาร อะไรเป็นความ
เกิดแห่งวิญญาณ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลในโลกนี้ ย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำถึง
ย่อมดื่มอยู่ ก็บุคคลย่อมเพลิดเพลิน ย่อมพร่ำถึง ย่อมดื่มอยู่ ซึ่งอะไร ย่อม
เพลิดเพลิน ย่อมพร่ำถึง ย่อมดื่มต่ำอยู่ซึ่งรูป เมื่อเพลิดเพลิน พร่ำถึง ดื่มอยู่
ซึ่งรูป ความยินดีก็เกิดขึ้น ความยินดีในรูป นั่นเป็นอุปาทาน เพราะอุปาทาน
สมาธิสูตร, สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค, ม.ก. เล่มที่ 27 ข้อ 27-28 หน้า 37-39
12 DOU
สมาธิ 5 ห ลั ก ส ม ก วิ ปั ส ส น า ก ม ม ฏ ฐ า น