ข้อความต้นฉบับในหน้า
มหาปลิโพธ 10 ประการนี้ ถ้าผู้ปฏิบัติธรรมยังข้องติดอยู่แล้วไม่อาจตัดกังวลจากใจได้ ย่อมเป็น
อุปสรรคต่อการปฏิบัติ และยากที่จะเกิดความก้าวหน้าในการเจริญสมาธิ ดังอุทาหรณ์จากเรื่องราวของ
พระเถระผู้อยู่ในถูปาราม
มีเรื่องเล่าว่า กุลบุตร 2 คน เดินทางออกจากเมืองอนุราธปุระไปบวช ณ วัดชื่อว่า “ถูปาราม”
เมื่อบวชแล้ว รูปหนึ่งเรียนมาติกาได้คล่อง 3 มาติกา แล้วพอครบ 5 พรรษา ได้ไปอยู่ที่ชนบทชื่อว่า
“ปาจีนขัณฑราศี” ส่วนอีกรูปหนึ่งยังคงอยู่ที่ถูปารามนั้น รูปที่อยู่ ณ ปาจีนขัณฑราชี อยู่นานจนเป็นพระ
เถระจึงคิดว่า
“ที่นี้ เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมมาก น่าจะชวนภิกษุผู้สหายมาอยู่ด้วย”
จึงเดินทางจากชนบทนั้นมายังถูปาราม พระเถระผู้สหาย พอเห็นท่านมาถึงถูปาราม จึงต้อนรับพา
เข้าสู่ที่พัก พระเถระผู้มาจากปาจีนขันฑราช เมื่อเข้าสู่ที่พัก คิดว่า
“สักครู่ สหายของเราคงส่งเนยใสหรือน้ำอ้อย หรือน้ำปานะอย่างใดอย่างหนึ่งมาให้
แต่จนดึกท่านก็ไม่ได้รับ พอรุ่งเช้า จึงคิดอีกว่า “เดี๋ยวสหายเราคงส่งข้าวต้มและกับที่พวก
อุปัฏฐากจัดถวาย” ปรากฏว่าไม่มี จึงคิดต่อไปอีกว่า
“เออนะ ถ้าไม่มีใครจัดถวาย พวกอุปัฏฐากคงคอยถวาย เมื่อสหายเราเข้าไป บิณฑบาตกระมัง”
จึงเข้าไปบิณฑบาตในเมืองกับพระเถระผู้สหายแต่ปรากฏว่าท่านทั้งสองได้ข้าวต้มเพียงกระบวยเดียว
จึงเดินไปนั่งดื่มในโรงฉันยังไม่กลับวัด ท่านก็ยังคิดอยู่อีกว่า
“ข้าวต้มประจำไม่มีในเวลาฉันข้าวสวย คนทั้งหลายคงจะมาถวายอาหารอย่างประณีต
แต่แล้ว ก็ไม่มี ท่านก็ได้อาหารที่ไปบิณฑบาตมาเพียงเท่านั้นเอง จึงทนนิ่งต่อไปไม่ไหว พูดว่า
“อาวุโส! ท่านเลี้ยงอัตภาพมาอย่างนี้ตลอดเวลาหรือ”
เมื่อพระเถระผู้สหายรับว่าเป็นอย่างนั้น จึงเอ่ยปากชวนว่า “ที่ชนบทปาจีนขัณฑราชี เป็นที่ผาสุก
เราอยู่ที่นั้นกันเถิด”
พระเถระผู้สหายรับปากตกลงไป จึงเดินออกจากพระนครทางประตูทิศใต้ เดินไปตามทางที่จะไป
หมู่บ้านช่างหม้อเลย ไม่เดินกลับวัดก่อน
ทางนีนะสิ”
พระเถระผู้มาจากชนบทปาจีนขัณฑราชีจึงท้วงว่า “อาวุโส! ทำไมท่านเดินมาทางนี้เล่า”
พระเถระผู้สหายตอบว่า “ท่านกล่าวชวนไปชนบทปาจีนขัณฑราชีมิใช่หรือ จะไปที่นั้นก็ต้องเดินไป
ท่านจึงประหลาดใจที่ภิกษุผู้สหายไม่ไปเก็บของที่วัด จึงถามว่า “ในที่ท่านอยู่มานานถึงเพียงนี้
70 DOU สมาธิ 5 ห ลั ก ส ม ก วิ ปั ส ส น า กั ม ม ฏ ฐ า น