ข้อความต้นฉบับในหน้า
สติสมฺปชญญ์
เป็นคนระวังตัว จะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังประกอบไปด้วย
ชาคริยานุโยโค
ส่เวโค
โยนิโสปธานํ
สติสัมปชัญญะในที่ทุกสถานและในกาลทุกเมื่อ
เป็นคนไม่มีความเกียจคร้าน หมั่นประกอบความเพียร มีจิตใจตื่น
อยู่เป็นนิตย์ในกิจที่ดีงาม
มักเกิดความสังเวชใจ เกิดความเบื่อหน่ายในกิริยาที่ตนจะต้อง
ท่องเที่ยวไปในวัฏสงสาร เห็นทุกข์โทษภัยในการที่ตนจะต้อง
ประสบกับความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไปโดยไม่มีวันสิ้นสุด
ปรารถนาที่จะพ้นจากกองทุกข์ จึงหมั่นประกอบความเพียร
โดยเหมาะ โดยควร คือ หมั่นสร้างสมอบรมคุณงามความดี
ให้เกิดมีขึ้นกับตนโดย การให้ทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา
เพื่อให้ได้ประสบคติที่ดีงามในภพชาติเบื้องหน้าต่อไป จนกว่าจะ
เข้าถึงพระนิพพานอันเป็นแดนบรมสุข ปราศจากทุกข์ โดย
ประการทั้งปวง
5.4 คู่แห่งจริต
ในจริตทั้ง 6 อย่าง ท่านสงเคราะห์ด้วยความเสมอภาคกันได้เป็น 3 คู่ คือ
ราคจริต กับ สัทธาจริต
โทสจริต กับ พุทธิจริต
โมหจริต กับ วิตกจริต
ราคจริต กับ สัทธาจริต ที่จัดว่ามีความเสมอภาคกันนั้น คือ ราคะเป็นหัวหน้าในฝ่ายอกุศล
สัทธาก็เป็นหัวหน้าเหมือนกัน แต่เป็นหัวหน้าทางฝ่ายกุศล
ราคะย่อมแสวงหากามในกามคุณ สัทธาก็แสวงหาเหมือนกัน แต่แสวงหาบุญ คือ กุศลกรรม
มีทาน ศีล ภาวนา เป็นต้น
ราคะติดใจในสิ่งที่ไร้สาระไร้ประโยชน์ฉันใด สัทธาก็เลื่อมใสในสิ่งที่เป็นสาระเป็น ประโยชน์ฉันนั้น
โทสจริต กับ พุทธิจริต (หรือปัญญาจริต) ที่จัดว่ามีความเสมอภาคกันนั้น คือ โทสะมีการ
เบื่อหน่าย แต่เป็นการเบื่อหน่ายในสิ่งที่ไม่ชอบ ถ้าสิ่งใดยังชอบอยู่ก็ไม่เบื่อหน่าย ส่วนปัญญา มีการ
เบื่อหน่ายเหมือนกัน คือ เบื่อหน่ายในสังขารธรรมทั้งปวง ไม่ใช่ว่าเลือกเบื่อหน่ายบ้างไม่เบื่อหน่ายบ้าง
เหมือนอย่างโทสะ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า โทสจริต เบื่อหน่ายด้วยอำนาจแห่งโมหะ ซึ่งเป็นทางให้
บทที่ 5 จ ริ ต ก บ ก า ร ป ฏิ บั ติ ก ม ม ฏ ฐ า น DOU 99