ข้อความต้นฉบับในหน้า
เมื่อได้มอบอัตภาพแด่อาจารย์แล้ว จึงเป็นผู้ที่อาจารย์ห้ามปรามได้ ไม่เป็นผู้ทำตามอำเภอใจ
เป็นผู้ว่าง่ายและเป็นผู้ใกล้ชิดอาจารย์อยู่เสมอ เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมได้รับความสงเคราะห์ด้วยอามิสและ
ธรรมะจากอาจารย์ ย่อมบรรลุธรรมสมปรารถนาถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในพระพุทธศาสนา
เหมือนดังเรื่องต่อไปนี้ เป็นอุทาหรณ์
อันเตวาสิกของพระจูฬปิณฑปาติกติสสเถระ
ครั้งนั้นพระภิกษุ 3 รูป เข้ามากราบพระเถระเพื่อมอบตัวเป็นศิษย์ ภิกษุ
รูปหนึ่งกราบเรียนว่า
“ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ถ้าเพื่อประโยชน์แก่ท่านอาจารย์แล้วละก็กระผมสามารถ
กระโดดลงในเหวลึก 100 ชั่วคนได้”
รูปที่สองกราบเรียนว่า
“ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ถ้าเพื่อประโยชน์แก่ท่านอาจารย์แล้วละก็กระผมสามารถ
ถูอัตภาพนี้ เริ่มตั้งแต่ ส้นเท้าเข้าที่ลานหิน จนตัวสึกไปไม่เหลือเลยได้”
รูปที่สามกราบเรียนว่า
“ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ถ้าเพื่อประโยชน์แก่ท่านอาจารย์แล้วละก็กระผมสามารถ
กลั้นลมหายใจเข้าออก จนสิ้นชีวิตได้”
พระเถระเห็นว่า พระภิกษุทั้ง 3 รูปเป็นผู้สามารถสอนได้ จึงบอกกัมมัฏฐานให้
และทั้ง 3 รูปก็ตั้งอยู่ในโอวาทของท่าน จนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ นี้คือ
อานิสงส์แห่งการมอบตนแด่อาจารย์
การมอบตัวแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและแด่อาจารย์ ตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น กล่าวตามแนว
วิสุทธิมรรค ซึ่งท่านมุ่งถึงพระภิกษุผู้บำเพ็ญกัมมัฏฐานในพระพุทธศาสนาเป็นสำคัญ แต่ฆราวาสผู้มุ่ง
ปฏิบัติกัมมัฏฐาน แม้จะถวายตัวแด่พระพุทธเจ้าและแด่อาจารย์สอนกัมมัฏฐาน ก็ย่อมมีผลดีเช่นกัน
ถึงแม้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะปรินิพพานไปนานแล้ว การถวายตัวแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือระลึก
นึกถึงพระพุทธองค์ ก็เป็นการสร้างกำลังใจและป้องกันความสะดุ้งกลัวในการปฏิบัติ
แต่อย่างไรก็ตาม ในการเริ่มเจริญสมาธิ แม้ผู้ปฏิบัติจะไม่ได้ถวายตัวแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
หรือแด่อาจารย์ผู้สอนกัมมัฏฐาน ก็ย่อมปฏิบัติได้ผลเช่นกัน เพราะหลักสำคัญอยู่ที่การปฏิบัติจริงและ
ปฏิบัติได้ถูกต้อง แต่ผู้ที่มอบกายถวายชีวิตแด่พระพุทธองค์และแด่อาจารย์กัมมัฏฐานของตน ย่อมมีแต่
ผลดีไม่มีผลเสีย ดังได้กล่าวมาแล้ว
จเบื้อง
บทที่ 4 กิ จ เ บื้ อ ง ต้ น ก่ อ น ก า ร เ จ ริ ญ กั ม ม ฏ ฐ า น DOU 81