การติดตามจับคนร้ายและการบวชของท่าน GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์ หน้า 26
หน้าที่ 26 / 157

สรุปเนื้อหา

ท่านได้ติดตามจับคนร้ายตลอดทั้งคืนจนถึงเช้าและจับคนร้ายได้ในที่สุด หลังจากนั้นใช้ชีวิตค้าข้าวเลี้ยงครอบครัว จนเมื่ออายุ 19 ปี มีเหตุการณ์สำคัญทำให้เลือกเส้นทางการบวช และต้องเผชิญกับความยากลำบากในคลองเปลี่ยวโดยมีโจรชุกชุม ท่านจึงต้องใช้ไหวพริบในการป้องกันตนเองเมื่อเวลาเรือแล่นเข้าไปในคลองนั้น ขณะที่ท่านคิดถึงความปลอดภัยและการจัดการอาวุธเพื่อต่อสู้หากเกิดการโจมตี.

หัวข้อประเด็น

-การติดตามคนร้าย
-การบวช
-การค้าข้าว
-ประวัติพระมงคลเทพมุนี
-คลองบางอีแท่น

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ท่านกับตำรวจได้ออกติดตามไปตลอดทั้งคืนไม่ได้หยุด โดยตั้งใจว่าหากยังจับคนร้ายไม่ได้ก็จะ ไม่ยอมกลับ พอรุ่งสางก็ถึงบ้านภรรยาคนร้าย ท่านเห็นคนร้ายโผล่มาทางหน้าต่างหลังบ้าน จึงบอกให้ตำรวจรู้ คนร้ายเมื่อเห็นเรือ จึงรีบกระโจนออกจากบ้านไป กว่าเรือจะชะลอฝีจักรกลับลำมาหยุดตรงหน้าบ้าน คนร้าย ก็หายไปแล้ว ท่านสังเกตเห็นฟองน้ำแตกเป็นทาง จึงบอกให้ตำรวจทั้ง 4 นาย ไปยืนคุมอยู่ที่มุมคันนา ส่วนท่านตามคนร้ายไปตามรอยนั้น เมื่อตามไปถึงกลางคันนา เห็นคนร้ายหลบอยู่ในซังข้าว พอเข้าไปใกล้ คนร้ายก็ดำน้ำหนี แต่หนี ไม่พ้น ถูกตำรวจช่วยกันจับไว้ทัน ตำรวจจึงใส่กุญแจมือไว้พาคนร้ายกลับมาที่บ้านภรรยา เพื่อให้บอก ที่ซ่อนเงินที่ขโมยมา ก็พบเงินซ่อนอยู่ในกระบุงข้าวเปลือกจำนวน 900 บาทเศษ เมื่อได้เงินคืนแล้ว จึงล่องเรือกลับกรุงเทพฯ หลังจากให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเสร็จแล้ว ตำรวจจึงนำเรือมาส่งท่านที่เรือ ข้าวที่คลองบางกอกน้อย ออกบวช ปฏิญาณบวชตลอดชีวิต เมื่อผ่านเหตุการณ์ตามจับคนร้ายในครั้งนั้นแล้ว ท่านใช้ชีวิตอยู่กับการค้าข้าวเลี้ยงโยมแม่และ ครอบครัวเรื่อยมา จนกระทั่งอายุย่างเข้า 19 ปี ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญในชีวิต ซึ่งเป็นจุดหักเหให้ท่าน เลือกเส้นทางเดินชีวิตที่ต่างจากคนทั่วไป วันหนึ่งหลังจากค้าข้าวเสร็จ ท่านและลูกน้องได้นำเรือเปล่ากลับบ้าน ในคืนนั้นล่องเรือไปด้วย ความยากลำบาก เพราะน้ำในคลองไหลเชี่ยว แต่ก็พยายามถ่อเรือต่อไป จนมาถึงคลองเล็กๆ สายหนึ่ง ซึ่ง เป็นเส้นทางลัด ชาวบ้านเรียกคลองนี้ว่า “คลองบางอีแท่น” อยู่เหนือตลาดใหม่ แม่น้ำนครไชยศรี จังหวัด นครปฐม คลองนี้เป็นคลองเปลี่ยว และมีโจรผู้ร้ายชุกชุม ในขณะนั้นมีเรือเพียงลำเดียวเท่านั้นที่แล่นเข้าไปในคลอง เมื่อเรือแล่นเข้าไปได้เล็กน้อย ท่านก็ กลัวว่าจะโดนโจรปล้นและทำร้าย ถ้าโจรปล้นจริงๆ ท่านจะโดนทำร้ายก่อน เพราะยืนอยู่ทางท้ายเรือ จึงเกิดความคิดขึ้นว่า “อ้ายน้ำก็เชี่ยว อ้ายคลองก็เล็ก อ้ายโจรก็ร้าย ท้ายเรือเข้าก็ไล่เลี่ยกับฝั่ง ไม่ต่ำไม่ สูงกว่ากันเท่าไรนัก น่าหวาดเสียวอันตราย เมื่อโจรมาก็ต้องยิง หรือทำร้ายคนท้ายก่อน ถ้าเขาทำเราเสีย ได้ก่อน ก็ไม่มีทางที่จะสู้เขา ถ้าเราเอาอาวุธปืนแปดนัดไว้ทางหัวเรือ แล้วเราไปถือเรือทางลูกจ้างเสีย เมื่อ โจรมาทำร้าย เราก็จะมีทางสู้ได้บ้าง” เมื่อคิดดังนั้นแล้ว จึงหยิบปืนยาวบรรจุกระสุน 8 นัดไปอยู่หัวเรือ บอกให้ลูกเรือมาถือท้ายเรือแทน 1 มีชื่อทางราชการว่า คลองลัดบางแท่น อยู่ในเขตอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ภาคที่ 1 ประวัติ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) DOU 11
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More