ข้อความต้นฉบับในหน้า
มีความเพียรสม่ำเสมอ
เรื่องความเพียรในการเจริญสมาธิภาวนานั้น หลวงปู่ท่านทำมิได้ขาดเลยจนวันเดียว ท่านกล่าว
ไว้ว่า ท่านไม่เคยว่างเว้นจากการทำความเพียรทางจิต เจริญสมาธิภาวนาเลยจนวันเดียวตั้งแต่
อุปสมบทมา ท่านถือหลักในการปฏิบัติที่ว่า “ประกอบเหตุ สังเกตผล สนใจเถิด ประเสริฐนัก ประกอบ
ในเหตุ สังเกตในผล สนใจเข้าเถิดประเสริฐดีนัก ประกอบที่ในเหตุ สังเกตดูในผล สนใจเข้าเถิด ประเสริฐ
ยิ่งนัก”
หลวงปู่ท่านสอนว่า การปฏิบัตินั้นต้องให้ถึงที่สุด ไม่ว่าเราจะเห็นหรือไม่เห็นก็ให้ปฏิบัติเรื่อยไป
อย่าปล่อยให้กาลเวลาล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ ท่านจะเน้นเช่นนั้นเสมอ เพราะความเพียรก็ต้องมี
ที่สุดของความเพียร ความอดทนก็ต้องมีที่สุดของความอดทน ถ้าเรายังปฏิบัติความเพียรไม่ถึงที่สุด
เราก็บอกว่าเราเพียรแล้ว ความอดทนเราก็ยังทำไม่ถึงที่สุด เราก็บอกว่าเราอดทนแล้ว เพราะที่สุดของ
แต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เปรียบเหมือนการอ่านหนังสือ บางคนอ่านเพียงหน้าเดียวก็เข้าใจ มีความรู้ทันที
บางคนต้องเปิดอ่านหลายครั้งหลายคราวจึงจะเข้าใจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญญาบารมีของแต่ละคนซึ่งมีไม่เท่ากัน
ประพฤติตรงต่อหนทางพระนิพพาน
การเจริญสมาธิภาวนาของหลวงปู่วัดปากน้ำเป็นกิจวัตรประจำ ไม่เคยว่างเว้นเลยนั้น ทำให้ท่าน
ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติตรงต่อหนทางของพระนิพพานโดยแท้ เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า พระภิกษุที่
เล่าเรียนศึกษาธรรมแล้ว ปรารภความเพียร เจริญสมาธิภาวนา ชื่อว่าไม่ประมาทในธรรม และอยู่ใกล้
พระนิพพาน ดังพุทธพจน์ที่ว่า
“ภิกษุผู้ตั้งอยู่ในศีล สำรวมในอินทรีย์ทั้งหลาย รู้จักประมาณในโภชนะ และหมั่นประกอบความ
ไม่เห็นแก่นอน เป็นผู้มีความเพียร ไม่เกียจคร้านทั้งวันทั้งคืน เจริญกุศลธรรมเพื่อบรรลุคุณอันเกษม
จากโยคะอยู่อย่างนี้ ชื่อว่าเป็นภิกษุยินดีในอัปปมาทธรรม หรือเห็นภัยในความประมาทโดยปกติ ย่อมเป็น
ผู้ไม่พอที่จะเสื่อม เป็นผู้ปฏิบัติใกล้พระนิพพานทีเดียว”
หลวงปู่ท่านยังกล่าวไว้ด้วยว่า “นั่งภาวนาทำใจให้หยุด ให้หยุดสักกะพริบตาเดียวเท่านั้น
ที่สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร ศาลาการเปรียญ สู้ไม่ได้หรอก ให้เราแสวงหาเขตบุญในพระพุทธศาสนา
ให้มั่นเชียวนะ ให้ใจหยุดเป็นตัวสำคัญ หยุดนี้เป็นทางมรรคผลนิพพาน พวกให้ทาน รักษาศีลยังไกล
กว่า หยุดนี้ใกล้นิพพานนัก
*อปริหานิสูตร, อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต, มก. เล่มที่ 35 หน้า 143-144
46 DOU ปฏิปทา มหาปูชนียาจารย์