ข้อความต้นฉบับในหน้า
คุณยายท่านมองหน้า “คุณ....ยายมันลูกชาวนา มีเสื้อผ้าไม่มาก เพราะฉะนั้นยายใช้แล้วชัก
ทุกวัน ไม่เคยทิ้งหมัก ไม่เคยทิ้งข้ามวัน ยายไม่เคยเลยที่จะมาใส่กะละมังทิ้งไว้ใช้วันนี้พอตอนเย็นยาย
ก็ซัก มันจะได้ไม่เข้ากร้าน (คือ ความสกปรกไม่ซึมลึก) ซักเรียบร้อยแล้วยายก็ตากแดดให้มันแห้ง
พอแห้งยาย ก็รีบเก็บ ไม่งั้นสีมันจะออกซีดๆ เก่าๆ เพราะฉะนั้นเสื้อผ้าของยายทุกตัว แม้มันจะขาด
แล้วก็ยังขาวเหมือนใหม่”
หลวงพ่อทัตตชีโวท่านเล่าอีกว่า ตั้งแต่ท่านเกิดมาไม่เคยเห็นใครสะอาดอย่างนี้ ปกติผ้าขี้ริ้ว
พอท่านใช้แล้วมันสกปรกท่านก็ทิ้งไป เพิ่งมาเห็นว่า แม้แต่ผ้าขี้ริ้วที่คุณยายใช้ถูบ้าน เช็ดบ้านนั้น คุณยาย
ก็ชักจนสะอาด เมื่อเห็นอย่างนั้นท่านจึงรู้สึกอายและปรับปรุงตัวเองตั้งแต่นั้นมา
คุณยายจะสอนธรรมะที่บ้านธรรมประสิทธิ์ตั้งแต่เช้าจนถึง 2 ทุ่มทุกวัน บรรดาลูกศิษย์ของ
คุณยายมีทุกระดับทั้งหญิงและชาย ตั้งแต่เด็กนักเรียน นิสิตนักศึกษา ไปจนถึงผู้ที่ประกอบอาชีพแล้ว
ซึ่งโดยปกติจะมาถึงบ้านธรรมประสิทธิ์พร้อมหน้ากันเมื่อเวลา 6 โมงเย็นเป็นต้นไป และคุณยายก็จะเริ่ม
สอนตั้งแต่เวลานั้น
กลางปี พ.ศ. 2510 วันหนึ่งระหว่างที่หลวงพ่อทัตตชีโวกำลังนั่งสมาธิอยู่กับคุณยาย วิชา
ไสยศาสตร์ที่เคยฝึกมาก็ตามมาทำร้าย ทำให้เกิดอาการหายใจไม่ออก มีลมดันขึ้น กระอักกระอ่วน
น้ำลายฟูมปาก คุณยายบอกกับท่านว่า “คุณฝึกไสยศาสตร์มามาก อาจารย์เก่าๆ เขาไม่ยอมให้
คุณเปลี่ยนทาง เขามาขวางไว้” หลวงพ่อทัตตชีโวถามคุณยายด้วยความกังวลใจว่า “ยังงี้ผมไม่แย่หรือ”
คุณยายตอบว่า “จะเอาธรรมะก็ต้องสละชีวิต พระพุทธเจ้าท่านก็ทำอย่างนี้ คุณกล้าไหมล่ะ”
หลวงพ่อทัตตชีโวเห็นแววตาเด็ดเดี่ยวนั้นแล้วก็ตอบอย่างมั่นใจว่า “กล้าครับ”
นับจากวันนั้น ท่านจึงตั้งใจนั่งสมาธิเรื่อยมา คุณยายก็คอยช่วยแก้ไขให้ อาการดังกล่าวจึง
ค่อยทุเลาเบาบางลง ดูเหมือนว่าจะหาย แต่ก็ไม่หายขาด เพราะในส่วนลึกแล้วท่านยังคงมีความเสียดาย
วิชาไสยศาสตร์อยู่ อย่างที่คุณยายบอกกับท่านว่า “ยังไม่หายขาดหรอก ยายแก้ให้ได้แค่นี้ ส่วนที่เหลือเป็น
เพราะคุณยังเสียดายวิชามารอยู่ แต่คุณจะไม่ขลังอีกแล้ว เพราะทั้งหมดที่คุณเรียนมาเป็นประเภท
มนต์ปนธรรม ไม่ใช่ธรรมบริสุทธิ์ ต่อไปนี้ต้องหมั่นนั่งสมาธิให้มากๆ”
หลังจากเริ่มปฏิบัติธรรมที่บ้านธรรมประสิทธิ์ได้ไม่นาน หลวงพ่อทัตตชีโวก็ชักชวนน้องๆ
ชมรมพุทธศาสตร์จากมหาวิทยาลัยต่างๆ มานั่งสมาธิกับคุณยายเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ พอถึงวันอาทิตย์
ต้นเดือน บรรดาลูกศิษย์ต่างก็แบ่งงานกันทำทุกคนไม่มีละเว้น แต่เนื่องจากหลวงพ่อทัตตชีโวเป็นเหมือน
พี่ชายคนโต มีอายุมากที่สุดในกลุ่มนักศึกษาด้วยกัน คือ 29 ปี น้องๆ จึงไม่แบ่งงานให้ทำ ท่านจึงหันไป
จัดรองเท้า ซึ่งถูกถอดวางทิ้งไว้ระเกะระกะแถวหน้าบันไดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย พอเสร็จจากการนั่งสมาธิ
ทุกคนลงมาเห็นรองเท้าที่วางอยู่ ก็ชื่นชมกันโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ หลวงพ่อทัตตชีโวท่านทำเฉยเสีย
แต่ใจนั้นปีติเบิกบานเป็นที่สุด
ภาคที่ 2 ประวัติคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง DOU 111