ข้อความต้นฉบับในหน้า
บางคนมาบอกคุณยายว่าจะไปผ่าตัด ท่านก็นั่งนิ่งๆ เงียบไป 5 นาที แล้วก็บอกว่า “คุณจะไปผ่า
ทำไม ผ่าแล้วก็ไม่มีอะไร คุณไม่ได้เป็นอะไร” เขาก็แย้งว่าได้นัดกับหมอที่จะผ่าตัดแล้ว ท่านจึงบอกว่า
“ก็ตามใจคุณ ถ้าจะผ่าตัดก็ภาวนา สัมมา อะระหัง ไว้นะ” หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้ว เขามารายงานให้
คุณยายทราบว่า หมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไร คุณยายท่านก็ว่า “ก็ดีเหมือนกัน จะได้รู้ว่าผ่าแล้วมันเป็นยังไง”
มีบางเรื่องที่ดูเหมือนเหลือเชื่อแต่เป็นความจริง บางคนเพิ่งมาใหม่ๆ เมื่อคุณยายทักครั้งแรก
เขามักจะตกใจและเข้าใจว่าคงมีใครแอบมาบอกท่านว่าเขาเป็นอย่างนั้น เช่น ครั้งหนึ่ง สามีภรรยาคู่หนึ่ง
มากราบคุณยาย พอกราบเสร็จ คุณยายก็บอกว่า “คุณ เลิกเล่นม้าเสียเถอะ” สามีตกใจคิดว่าภรรยา
แอบมาบอก ส่วนภรรยาก็บอกว่า “ฉันก็มาพร้อมกับคุณนี่แหละ” คุณยายจะพูดในสิ่งที่ท่านเห็นด้วย
ญาณทัสสนะด้วยน้ำเสียงปกติ เหมือนไม่จริงจัง แต่สิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นจริงทุกประการ
นอกจากนี้ ยังมีสามีภรรยาอีกคู่หนึ่ง ภรรยาเป็นอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร
มีศรัทธามาเป็นลูกศิษย์ของคุณยาย ส่วนสามีเป็นคนดื้อสุดโต่ง ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ แต่ก็เผื่อเหนียวไว้
อยากได้บุญจึงสวดมนต์วันละหนึ่งหรือสองชั่วโมง เผื่อว่านรกมีจริงจะได้รอดพ้นบ้าง
วันหนึ่ง ฝ่ายสามีมาถามคุณยายว่า “คุณครู ผมมีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง อยากเล่าให้คุณครูฟัง
แล้วช่วยตอบผมหน่อยว่าเรื่องนั้นมันเป็นยังไง” จากนั้นก็เริ่มเล่าว่า ครั้งหนึ่งขณะที่เขานอนอยู่ที่นอกชาน
ที่บ้านต่างจังหวัด ตอนนั้นเป็นเวลากลางคืน แต่ว่าแสงเดือนแสงดาวที่สาดมา ทำให้สามารถเห็นทุกสิ่ง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ชานบ้านได้อย่างชัดเจน ในขณะนั้น เขามองเห็นควันแทรกร่องกระดานนอกชานขึ้นมา
แล้วยืดขึ้นเป็นรูปร่างของคน มองเห็นได้ด้วยตาเนื้อ สูงขนาดต้นตาล ยกเท้าก้าวข้ามหลังคาบ้านไป
เมื่อเห็นแล้วก็ไม่ทราบว่าสิ่งนั้นคืออะไร แม้ว่าจะไปเที่ยวถามมาหลายวัด ก็ได้รับคำตอบที่ไม่ชัดเจน
มักมีคำว่า “มั้ง” ตามมา หรือบางท่านก็บอกว่า “คุณตาฝาด” เขานำเรื่องนี้มาเล่าให้คุณยายฟัง คุณยายก็
หลับตาทำสมาธิฟังเฉยๆ จากนั้นเขาก็ถามว่า “ครูว่าสิ่งที่ผมเห็น มันคืออะไร” พอสิ้นคำถาม คุณยายก็ตอบ
ว่า “สิ่งที่คุณเห็นคือเปรต แล้วเปรตนั้นก็เป็นญาติของคุณนั่นแหละ” เขาก็เถียงว่า “ญาติผมไม่มีวันไปเกิด
เป็นเปรต” คุณยายท่านก็ไม่ว่าอะไร
เขาถามต่อว่า “ทำไมถึงไปเป็นเปรต”
“ญาติคุณเป็นอดีตมัคนายก โกงของวัด ตายแล้วก็เลยไปเป็นเปรต” เขาก็แย้งว่า “ไม่มีหรอก ญาติ
ผมที่เป็นมัคนายก ถ้าครูว่าเป็นมัคนายก ญาติของผมชื่ออะไร” คุณยายฟังแล้วก็ไม่แสดงอากัปกิริยาใดๆ
ยังคงนิ่งเป็นปกติ ตอบเขาไปว่า “ชื่อรัศมี” เขาก็แย้งอีกว่า “ยิ่งชื่อนี้ยิ่งห่างไกลเลย ไม่เคยมีญาติชื่อนี้
ชื่ออะไรก็ไม่รู้ ชื่อรัศมี ถ้าเป็นญาติผม มันน่าจะมีชื่อที่เข้าท่ากว่านี้” จากนั้นก็ยกมือไหว้คุณยายครั้งหนึ่ง
แล้วลงจากบ้านไป
หลายเดือนต่อมา เขาก็กลับมาบอกคุณยายว่า “เออ จริงด้วย ญาติผมคนหนึ่งชื่อรัศมี เขาเป็น
มัคนายก ตายไปแล้ว ไปสืบประวัติดู เขาก็โกงของวัดจริงๆ แต่ผมก็ไม่เชื่อว่าเปรตมีในโลก” นี่คือความดื้อ
ภาคที่ 2 ประวัติคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง DOU 103