ข้อความต้นฉบับในหน้า
แม้ในยามป่วยหนักเช่นนี้ คราวใดที่คุณยายทองสุกบ่นรำพึงต่างๆ นานาตามประสาคนมีไข้สูง
คุณยายก็จะฟังด้วยใจที่สงบนิ่งอยู่ภายใน เมื่อท่านนำยาไปให้รับประทานตามเวลาที่หมอสั่ง อย่างเช่น
ก่อนอาหารหรือหลังอาหาร ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถให้ได้ตามเวลานั้น หากต้องคอยดูทั้งเวลา
และอารมณ์ควบคู่กันไปว่า คนไข้พร้อมที่จะรับยาหรือไม่ มีอาการอย่างไร ทั้งนี้เพราะคุณยายทองสุก
ได้รับความเจ็บปวดทรมานจากมะเร็งที่มดลูก จนไม่อยากรับประทานยา
บางครั้งเวลาที่คุณยายรินยามาให้ตามหมอสั่ง คุณยายทองสุกก็จะพูดตามประสาคนป่วยหนัก
ที่สิ้นหวังว่า “ไม่กินยาแล้ว” คุณยายฟังแล้วก็รู้ว่า คุณยายทองสุกไม่ยอมรับประทานยาแน่ จึงถอยหลัง
ออกมา แต่ด้วยเหตุแห่งความรักครูบาอาจารย์ และใจที่ประกอบด้วยเมตตาธรรม ปรารถนาที่จะให้
คุณยายทองสุกบรรเทาทุกขเวทนาลงไปบ้าง ท่านก็จะคอยดูอีกครั้งหนึ่งว่า อารมณ์ของคุณยายทองสุก
ดีขึ้นหรือยัง หรือว่าไข้ลดลงบ้างหรือไม่ แล้วจึงจะนำยาไปให้ดื่ม ปรนนิบัติอยู่เช่นนี้ตลอดทุกวันคืน แม้จะ
รู้ว่าโรคนี้ไม่มีวันหาย ท่านก็ไม่เคยสิ้นเรี่ยวแรงในการดูแลคุณยายทองสุกเลยแม้แต่น้อย
มะเร็งมดลูกขั้นสุดท้ายนั้น มีอาการรุนแรงมาก นอกจากในสมัยก่อนจะไม่มียาดีที่สามารถ
รักษาให้หายได้แล้ว ยังส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงเป็นที่น่ารังเกียจ จึงไม่ค่อยมีใครมาดูแลท่าน นอกจากคุณยาย
ที่อยู่คอยปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด
คุณยายไม่เคยรู้สึกหรือแสดงท่าทีรังเกียจคุณยายทองสุกเลย กลับขยันหมั่นทำความสะอาด
เช็ดถูตัว ซักเสื้อผ้าให้เสียจนสะอาดสะอ้าน นำน้ำอบไทยหรือน้ำอบปรุงเจ้าคุณมาพรมดับกลิ่นให้ เพื่อที่ว่า
เวลาที่เหล่าศิษยานุศิษย์ของคุณยายทองสุกที่มีอยู่ทั่วประเทศมาเยี่ยม ซึ่งโดยปกติมักจะมาขอพึ่งบารมีกัน
ถึงในมุ้งตลอดทั้งวันทั้งคืน จะได้ไม่มีกลิ่นเหม็นอันอาจเป็นเหตุให้ศิษย์เหล่านั้นรังเกียจ
วันหนึ่งในระหว่างนั้น เมื่อคุณยายทองสุกไปเข้าห้องน้ำและกลับออกมา ท่านพูดกับคุณยายด้วย
น้ำเสียงปกติเหมือนไม่ได้เป็นอะไรมาก “อีก้างเอ๊ย ไส้กูทะลุแล้วว่ะ” พูดจบท่านก็ยิ้มแล้วกล่าวอีกว่า
“เวลาตายนี่จะมีมึงอยู่กับกูเท่านั้นแหละ” คุณยายฟังถ้อยคำเหล่านั้นด้วยใจสงบนิ่ง อันเป็นสภาวะปกติ
ของผู้มีใจหยุดอย่างสมบูรณ์แล้ว
ในวันสุดท้ายของชีวิต ท่านอยู่ด้วยกันลำพังเพียงสองคน ถึงแม้ว่าในขณะนั้นโรคร้ายกำลังรุมเร้า
อย่างแสนสาหัส คุณยายทองสุกท่านนอนหนุนตักคุณยาย และลืมตาขึ้นมาพูดกับคุณยายเป็นครั้งสุดท้ายว่า
“กูไปแล้วนะ เห็นพระเต็มไปหมดเลย” คุณยายก็รับฟังด้วยอาการสงบนิ่งเป็นปกติเหมือนอย่างเคย พูด
กลับไปด้วยถ้อยคำอันทรงคุณค่ายิ่งระหว่างผู้รู้ต่อผู้รู้ว่า “พี่ พุ่งเข้าไปในนิพพานเลยนะ” พอสิ้นสุดถ้อยคำนั้น
คุณยายทองสุกก็ละจากโลกนี้ไปด้วยอาการสงบ
เนื่องจากคุณยายทองสุกเป็นที่รักเคารพบูชาของคุณยายประดุจผู้บังเกิดเกล้าในทางธรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นครูบาอาจารย์คนแรกที่สอนให้ท่านรู้จักวิชชาธรรมกาย จนสามารถเข้าถึงธรรมได้
98 DOU ปฏิปทา มหาปูชนียาจารย์